บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:

Thailand Healthcare
งบไตรมาส 2/64 ได้อย่างเสียอย่าง

ลดน้ำหนักลงเท่าตลาด โควิดอาจคลี่คลายในไตรมาส 4/64
เราลดน้ำหนักหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลลงเป็น “เท่าตลาด” เนื่องจากราคาหุ้น ปรับขึ้นแรง 34.5% YTD โดยเฉลี่ยจากแนวโน้มกำไรท่ีแข็งแกร่งจากรายได้ที่เกี่ยวกับ Covid ที่มากขึ้นท่ามกลาง การระบาดระลอกใหญ่ซึ่งราคาหุ้นได้สะท้อนข่าวดีไปแล้วโดยเฉพาะ BCH และ CHG ซึ่งจากรายได้จาก Covid ท่ีเพิ่มขึ้นเราคาดว่า BCH และ CHG จะเห็นการเติบโตของกำไรท่ีแข็งแกร่ง 32.9% และ 35.5% ในปีนี้

อย่างไรก็ตาม รายได้ดังกล่าวอาจลดลงภายในไตรมาส 4/64 ซึ่งรัฐบาลคาดว่า 70% ของประชากรจะได้รับการวัคซีนเข็มแรกภายในต.ค.64 และอาจส่งผลลบ ต่อราคาหุ้น ในทางกลับกัน BDMS และ BH ได้รับผลกระทบจากการระบาดใหญ่ เนื่องจากผู้ป่วยต่างชาติที่คิดเป็น 30% และ 67% ของรายได้ปกติหดหายไป

ด้วยเหตุนี้ราคาหุ้นทั้งสองจึงไม่วิ่งเท่าที่ควร YTD แต่คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นในปีหน้า ลดน้ำหนัก BDMS เป็นถือ TP ไม่ เปลี่ยนแปลงเนื่องจากราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆนี้และซื้อขายท่ี P/E ปี 65 ท่ีสูงถึง 45.3 เท่า แม้ผนวกประเด็นฟื้นตัวเต็มท่ีในปี 65 แล้ว BDMS ก็ยังซื้อขายที่ P/E ปี 65 ที่ 37.2 เท่า เท่ากับค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 38.8 เท่ามีเพียง BH ที่เราแนะนาซื้อที่ TP 146บาท เนื่องจากเป็นผู้ได้รับอานิสงส์สูงสุดจากการเปิดประเทศในเดือนตุลาคม 64 หุ้น  BH ซื้อขายท่ี P/E ปี 65 ที่ 54.4 เท่า แต่ถ้ามองที่การฟื้นตัวเต็มที่ที่อาจเกิดขึ่นในปี 67 หุ้นจะเทรดท่ี 25 เท่า ซึ่งยังต่ำกว่าต่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 37.7 เท่า

คาดรายได้ไตรมาส 2/64 ของ BCH และ CHG เหนือกว่าคู่แข่ง
ในไตรมาส 2/64 เราคาดว่า BCH จะบันทึกกำไร 496 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 78% QoQ และ 78%  YoY และ CHG มีกำไร 323 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 28% QoQ และ 108% YoY เนื่บจากรายได้จาก Covid ท่ีสูงขึ้น ในทางกลับกัน คาด BDMS และ BH จะมีกำไรลดลงในไตรมาส 2/64 เนื่องจากโควิดกระทบต่อจานวนผู้ป่วยที่มารพ.ซึ่งแตกต่างจาก BCH และ CHG ที่มีรายได้ จาก Covid เนื่องจากผู้ป่วยสามารถตรวจ Covid ที่โรงพยาบาลประกันสังคม (รวมถึง BCH และ CHG) ฟรี (แต่จ่ายโดยรัฐบาล) ด้วยเหตุนี้และจำนวนผู้ป่วยต่างประเทศที่หายไป เราคาดการณ์ว่ากำไรหลักของ BDMS จะลดลง 20% QoQ เป็น 1.07 พันล้านบาท และ BH ลดลง 62% QoQ เป็น 37 ล้านบาท

คาดแนวโน้มไตรมาส 3/64 เหมือนไตรมาส 2/64
จากการระบาดที่ยังรุนแรง เชื่อว่า 3Q64 จะสะท้อนผลการดำเนินงานไตรมาส 2/64 ของ BCH และ CHG ซึ่งดีกว่า BDMS และ BH เราคำนึงถึงผลประกอบการ 3Q64 ที่แข็งแกร่งและเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรของ BCH 16% และ CHG 8% ในปีนี้ส่งผลให้ TP สูงขึ้น 11.1% สำหรับ BCH (TP 20 บาท) และ 5.3%

สำหรับ CHG (TP 4.00 บาท) คงคำแนะนำไม่เปลี่ยนแปลง (ขาย BCH และ ถือ CHG) อย่างไรก็ตาม ในขณะที่รัฐบาลวางแผนที่จะฉีดวัดซีน 70% ของ ประชากรไทยภายในตุลาคม 64 เราเช่ือว่ากำไรของ BCH และ CHG จะลดลง QoQ ในไตรมาส 4/64 ซึ่งน่าจะส่งผลลบต่อราคาหุ้นได้

การฉีดวัคซีนเป็นความเสี่ยงทึ่สำคัญ

เราใช้วิธี DCF ประเมินราคาเป้าหมาย โดยแนะนำซื้อ BH (WACC 6.3% การเติบโต 2%) เป็นหุ้นเด่นด้วย TP ที่ 146 บาท เราคาดว่า BH จะเป็นผู้รับผลประโยชน์ที่สำคัญที่สุด จากแผนเปิดประเทศในเดือนตุลาคม 64 นี้ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยหนุนที่ดีสาหรับราคาหุ้น ความเสี่ยงที่สำคัญของกลุ่มโรงพยาบาล คือการฉีดวัคซีน หากช้าอาจส่งผลเสียต่อจานวนผู้ป่วยที่มา รพ.

- Advertisement -