รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

“Baht Weakening Play”
  CNS Daily Strategy: คาดตลาด “Sideways/Down” 1585/1590 จุด รับ 1565/1555 จุด FOMC Minutes มีสัญญาณ dovish ขึ้นเล็กน้อย ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้ขยับขึ้น ทั้งกลุ่ม growth และ value stocks แต่กลุ่มพลังงานถูกถ่วงจากราคาน้ำมันดิบ Brent -1.48% สู่ 73.43 เหรียญ/บาร์เรล จากความกังวลที่หาก OPEC+ ไม่สามารถตกลงกันได้ อาจนำไปสู่การแข่งขันกันผลิตน้ำมันโดยไร้ข้อตกลง

ส่วนภายใน ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งแรงทะลุ 7 พันราย เสียชีวิต New High ที่ 75 ราย เพิ่มความเสี่ยงที่ศบค.จะประกาศ Lockdown พื้นที่ระบาด/ทั่วประเทศ จับตาการประชุมศบค.ชุดเล็กพรุ่งนี้ ยังคงเป็นปัจจัยกดดันกลุ่ม Re-Opening/Domestic วันนี้แนะ “Baht Weakening Play” : KCE, HANA, ASIAN

Nomura : Key Factors
· (+) US: รายงาน FOMC Minutes เผยว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯในขณะนี้ยังไม่สอดคล้องกับเป้าหมายของ FED ที่ต้องการเห็นเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
· (-) OIL: หาก OPEC+ ตกลงกันไม่ได้ อาจนำไปสู่การแข่งขันกันผลิตน้ำมันโดยไร้ข้อตกลง
· (-) OIL: วานนี้ WTI -1.17$(-1.59%) สู่ 72.20/bbl, BRT -1.10$(-1.48%) สู่73.43/bbl
· (-) Asia: ต่างชาติพลิกกลับมาขายสุทธิในทุกประเทศวานนี้ -533 ล้านเหรียญ
· (-) TH: กกร.ปรับลดประมาณการ GDP ปี 2021 ลงสู่ 0.0 – 1.5% (vs Nomura 2.1%)· (*) Fund Flows: หุ้น -1,423 ลบ, สัญญา Future -12,452 สัญญา, Bond +778 ลบ

Nomura Daily Top Picks: KCE, HANA, ASIAN

Equity Daily Outlook : คาดตลาด “Sideways/Down” ต้าน 1585/1590 จุด รับ 1565/1555 จุด ตลาดสินทรัพย์เสี่ยง ได้รับแรงหนุนจากรายงาน FOMC Minutes ที่เผยว่ากรรมการ FED ส่วนใหญ่มองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯในขณะนี้ยังไม่สอดคล้องกับเป้าหมายของ FED ที่ต้องการเห็นเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน นอกจากนี้ ยังคงเน้นย้ำว่าการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อที่เร็วกว่าคาดนั้น เป็นเพียงปัจจัยชั่วคราวเท่านั้น
ซึ่งมุมมองในรายละเอียดไม่ได้ต่างจากผลประชุมนัก ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้น ทั้งกลุ่ม Growth และ Value แต่กลุ่มพลังงานยังถูกถ่วงด้วยราคาน้ำมันดิบ Brent ที่ลงต่อ -1.48% สู่ 73.43 เหรียญ/บาร์เรล จากความกังวลที่หาก OPEC+ ไม่สามารถตกลงกันได้ อาจนำไปสู่การแข่งขันกันผลิตน้ำมันโดยไร้ข้อตกลงควบคุมกำลังการผลิต
ขณะที่ทิศทาง Fund Flows ในเอเชีย วานนี้ต่างชาติพลิกกลับมาขายสุทธิ -533 ล้านเหรียญ โดยเป็นการขายสุทธิในทุกประเทศ โดยเฉพาะไทยที่กลับมาขายสูงราว -44 ล้านเหรียญ ผลจากความรุนแรง Third Wave ซึ่งยอดผู้ติดเชื้อวันนี้พุ่งขึ้นแรง 7,058 ราย แบ่งเป็น ทั่วไป 6,990 ราย เรือนจำ 68 ราย เสียชีวิต New High ที่ 75 ราย ซึ่งการที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ทำให้ ศบค. เตรียมพิจารณา Lockdown พื้นที่สีแดง/ทั่วประเทศ กระทบเศรษฐกิจไทย
ล่าสุด คณะกรรมการร่วม 3 สถาบัน(กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ทำการปรับลดประมาณการ GDP ปี 2021 ลงสู่ 0.0 – 1.5% จากเดิมคาดที่ 0.5 – 2% (vs Nomura คาดที่ 2.1%) ผลการ Third Wave ที่รุนแรงและลากยาว จากสายพันธ์เดลตา ซึ่งกระทบต่อ demand ภายใน และการใช้มาตรการเข้มงวดกระทบต่อหลายธุรกิจ แต่มีมุมมองบวกต่อภาคส่งออก โดยปรับเพิ่มตัวเลขส่งออกปีนี้ขึ้นเป็น 8-10% จากเดิม 5-7% (vs Nomura คาดที่ 7.4%) หลังเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวดีกว่าคาด สะท้อนกลุ่มส่งออกมีความน่าสนใจมากกว่ากลุ่ม domestic ที่ได้รับผลกระทบจาก Third Wave โดยตรง
Daily Strategy : ความเสี่ยงมาตรการ Lockdown พื้นที่ระบาด/ทั้งประเทศจะถ่วงตลาดปรับฐาน โดยมองกรอบการปรับฐานอยู่ในกรอบ 1550/1520-1500 จุด เก็งกำไรระยะสั้นถือเงินสดเพิ่ม รออ่อนตัว Selective รายกลุ่ม ส่วน Portfolio Managers เน้นพักเงิน กลุ่ม Earnings กลุ่มส่งออกที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า(ชิ้นส่วน-อาหาร KCE HANA TU ASIAN) กลุ่มสื่อสารฯ(ADVANC) กลุ่มโรงพยาบาล(BDMS, BCH, CHG, EKH) กลุ่มโรงไฟฟ้า(GPSC) และหุ้นที่มีปันผลระหว่างกาล(TVO) ขณะที่คงน้ำหนักการลงทุนที่ 50%

· Research Highlight :
  GLOBAL (BUY, TP28) : เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q21F ที่ 930 ลบ. (+83%y-y , -4%q-q) โดย y-y จะโตเร่งขึ้นจาก 1Q21 +57%y-y ตาม SSSGบวกแรงสุดในกลุ่มที่ +34% และประสิทธิภาพทำกำไรที่จะโตตามราคาเหล็กขาขึ้น การปรับกลยุทธ์การขายไม่เน้นลดราคา และการเกิดผลบวกการประหยัดต่อขนาด หนุน EBITDA margin ขึ้นเป็น 15.7% จาก 13.0% ใน 2Q20 ทั้งนี้ แม้เราประเมินว่า กำไรสุทธิ 2H21F จะอ่อนตัว h-h ตามปัจจัยฤดูกาลและทิศทางราคาเหล็กโลกที่จะลดลง h-h อย่างไรก็ดี คาดกำไร y-y ยังโตดีตามความสำเร็จ ใน
i) การพยายามเจาะตลาดในจังหวัด/อำเภอใหม่ๆ
ii) สัดส่วนสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ที่จะเร่งขึ้น เราจึงคงคาดกำไรสุทธิปี 21Fโตเด่น +53%y-y เด่นกว่ากลุ่มค้าปลีก (+16%) และกลุ่ม Home improvement (+39%)

LH (BUY, TP10) : เรามีมุมมอง slightly positive ต่อ 2Q21 presale ที่ 7.8 พันลบ. (-3% y-y, +2% q-q) ภาพรวมทรงตัวได้ y-y, q-q ถึงแม้ฐานสูง โดยจุดเด่นคือ low-rise presale ที่ยอด presale ใกล้เคียง 2Q20 ที่ทำ record high สะท้อนกำลังซื้อกลุ่มกลาง-บน ยังแข็งแกร่ง สำหรับ 1H21 presale คาดที่ 15.4 พันลบ. (+13% y-y) คิดเป็น 55% จากเป้าปีที่ 28.0 พันลบ. (+5% y-y) ทำให้มีโอกาสมากกว่าเป้า เพราะแผนเปิดโครงการใหม่ใน 2H21F ยังสูง ในขณะที่แนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q21F ดี เบื้องต้นคาดที่ 1.85 พันลบ. ซึ่งโตทั้ง y-y, q-q เราคง BUY rating ที่ TP22F ที่ 10.0 บาท โดยมอง residential business น่าจะยังแข็งแกร่งกว่ากลุ่ม เพราะ portfolio หลักเป็น low-rise ในกลุ่มกลาง-บน ที่กำลังซื้อยังดีกว่ากลุ่มอื่น, แรงกดดันจากการลดลงของ % GPM ต่ำกว่า รวมถึงคาดปันผลจ่ายปี 2021-22F ที่ 6.9-7.5% ยังสูงและสม่ำเสมอ

· Commodities : BDI ปรับตัวขึ้น +1.95% สู่ 3,241 จุด บวกต่อ PSL, TTA

· (+) Cannabis/Hemps: ทางการทยอยประกาศใบอนุญาต โรงสกัดกัญชง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่ม และช่วงถัดไป การพิจารณา การใช้ CBD/THCเป็นส่วนผสมของการใช้ภายในจะเริ่มขึ้น เป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มหุ้นที่เตรียมผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ นอกจากนี้ทางการยังใกล้ปลดล๊อคพืชเกษตรอย่างกระท่อม ซึ่งมีสรรพคุณช่วยลดอาการปวดเมื่อย และมีกำลัง คล้าย Energy Drink เป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติม

กลยุทธ์ แนะนำเก็งกำไร กลุ่มต้นน้ำ RBF, GUNKUL, STPI กลุ่มการสกัด RBF, KWM และกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม OSP, ICHI, SAPPE

· หุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า ทุกๆ 1 บาท บวกต่อเกษตรอาหาร กำไรสุทธิเพิ่ม3-1% TU, CPF, ASIAN, NER, XO, SAPPE กลุ่มชื้นส่วนฯ กำไรสุทธิเพิ่ม3-2% SVI, HANA, KCE กลุ่มนิคม AMATA กลุ่มวัสดุ EPG +3% ลบต่อ Airline โรงไฟฟ้า

 · July Top Picks: KCE, TOA, TIDLOR, TVO, SAT, ICHI, PM

· 2H21 Stock Picks : ADVANC, KCE, SAT, AMATA, BDMS, GPSC, GULF, CRC, TIDLOR / Mid-small Cap : PM, ICHI, SAPPE

2H21 Equity Outlook : At a crossroads : Policy normalization risks

Stock Best Picks : ADVANC, KCE, SAT, AMATA, BDMS, GPSC, GULF, CRC, TIDLOR
Mid-small Cap Picks : PM, ICHI, SAPPE

Fundamental & Tactical Daily Top Picks :

KCE (Trading): S 73.0/72.0 R 75.0/77.0 (Stop Loss: 71.0)
  · Theme: Export play
  · Earning Outlook: ภาพธุรกิจยังดีมาก คำสั่งซื้อปัจจุบันเพียงพอถึง พ.ย. แล้วตามกลุ่มลูกค้ารถยุโรป ที่มีความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ และเพื่อปิดความเสี่ยงในภาวะเซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลน ขณะที่ บริษัทเตรียมเริ่มปรับราคากว่า 5% ตั้งแต่ 2Q21F เพื่อชดเชยผลกระทบจากทองแดงสูงขึ้น โดยรวมมองกำไร 2Q21F ราว 559 ลบ. เพิ่มทั้ง y-y, q-q และมองกำไรทั้งปี 2.2 พันลบ. +103% y-y จากยอดขายปี 21F โตกว่า +28% และอัตรากำไรที่สูงขึ้น
· Valuation: Trading รับภาพ bullish ของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และรถยนต์ โดยราคาหุ้นปัจจุบันมี PER21F ที่ 38 เท่า
  · Catalyst: เงินบาทอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่าล่าสุด 32.3 บาท/ดอลล่าร์ + จีนมีมาตรการชะลอความร้อนแรงของโภคภัณฑ์ (รวมทองแดง) โดยการลดการถือครองในแหล่งสำรอง เป็นสัญญาณบวกต่อต้นทุนทองแดงของ KCE ช่วงถัดไป ในภาวะที่ปรับราคาขายขึ้นมาได้แล้ว

HANA (TP21F 72*): S 70.5/69.25 R 73.25/75.0 (Stop Loss: 67.5)
  · Theme: Export play
  · Earnings Outlook: ประเมินกำไรปกติ 2Q21F ที่ 589 ลบ. (+24%y-y, +43%q-q) โดยภาพรวมดีทุกอุตสาหกรรม
1) ได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากภาวะความต้องการ semiconductor เติบโตตามกลุ่ม telecom และรถยนต์
2) อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 95-98% จาก 1Q21 ที่ 93% และกำลังเพิ่มพื้นที่การผลิตเพื่อลงเครื่องจักรใหม่
3) สามารถปรับราคาขายตามราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นได้
4) ยังสามารถควบคุม SG&A ได้เป็นอย่างดี โดยคาดกำไรสุทธิปี 21F โต +22%y-y ที่ 2325 ลบ.
· Valuation: ซื้อรับภาพ bullish ของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ โดยปัจจุบันซื้อขายบน PER 21F ที่ 24 เท่า
  · Catalyst: รับประโยชน์เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบปี เช้านี้แตะ 32.35 บาท แล้ว + แนวโน้มธุรกิจโดดเด่นมากในทุกองค์ประกอบ

ASIAN (TP22F 20.5*): S 16.9/16.6 R 18.0/18.5 (Stop Loss: 16.0)
  · Theme: Export Play
  · Earnings Outlook: ผู้ประกอบการด้านอาหาร ที่เปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจสำเร็จ มาเน้นกลุ่มอุตสาหกรรม High growth และ Margin สูง คือรับจ้างผลิต (OEM) อาหารสัตว์เลี้ยง และกลุ่มสินค้ามูลค่าเพิ่ม (VAP)(กุ้ง/ปลาหมึกชุบแป้งทอด) มองแนวโน้มกำไร 21F เติบโต +26% y-y มาที่ 899 ลบ. โดยระยะสั้นมองกำไร 2Q21F เพิ่ม y-y, q-q โดยภาพระยะกลางปี 22F ยังมีแผนเพิ่ม Capacity รองรับคำสั่งซื้อกลุ่ม Pet food +13% และกลุ่ม VAP +30%
· Valuation: มองราคาหุ้นยังเป็นจุดซื้อสะสม โดยมี PER21F 14 เท่า และ Div yield 3.5%

  · Catalyst:
1) เป็นบริษัทที่ปรับโครงสร้างธุรกิจสำเร็จมากลุ่มที่เติบโตสูง และเข้ากับ Theme PET Humanization และ Aging society
2) อุตฯ PET Food เป็นกลุมที่ผู้ประกอบการไทยเด่น และปีนี้ลุ้นขึ้นเป็น Top3 Global exporter หลังขยายตัว 21 เดือนติดกัน
3) รับประโยชน์เงินบาทอ่อนค่าสูง (ส่งออก 75%)

- Advertisement -