รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Selective and Earnings Play//Accumulate at around 1,530+-

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงแรงต่อเนื่องและปิดลบถึง 32.93 จุด ณ สิ้นวัน ตอบรับความกังวลจากมาตรการ Full Lockdown ที่มีโอกาสเกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อยังสูง และศบค.เรียกประชุมด่วนวันนี้ ขณะที่ราคาน้ำมันร่วงลงยังคงกดดันกลุ่มพลังงาน สถาบันในประเทศและบัญชีบล.ขายสุทธิในตลาดหุ้น 1.9 พันลบ.และ 1 พันลบ. ตามลำดับ ส่วนต่างชาติขายสุทธิบางๆ (ต่างชาติยัง Short Index Futures ต่อเนื่องอีกกว่า 1.4 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways Down โดยมีแนวรับสำคัญบริเวณ 1,530 จุด หลังจากหลุดแนวรับแรกที่ 1,570 จุดวานนี้ โดยปัจจัยที่ต้องติดตามคือการประชุมศบค.เวลา 10.00 น.วันนี้ว่าจะมีมาตรการคุมเข้มเพิ่มเติมอย่างไรบ้างโดยเฉพาะ Full Lockdown เราประเมินว่ามีโอกาสประกาศเคอร์ฟิวและห้ามเดินทางข้ามจังหวัด

อย่างไรก็ตามเราประเมินดัชนีจะปรับลงอีกไม่มากเนื่องจากตอบรับประเด็นดังกล่าวไปมากพอสมควรแล้วหลังปรับฐานลง 2 วันล่าสุด รวมถึงกลุ่มพลังงานที่คาดรีบาวด์ได้บ้างจากราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัว ส่วนปัจจัยต่างประเทศนักลงทุนกลับมากังวลการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัวลงจาก COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ๆซึ่งอาจกระทบต่อประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกัน

โดยรวมตลาดยังไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ขณะที่กลุ่ม Domestic Play ยังคงถูกกดดันอย่างต่อเนื่อง กลยุทธ์จึงยังเน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและธุรกิจไม่ถูกกระทบจากมาตรการคุมเข้มและมีแนวโน้มกำไร 2Q21-3Q21 ที่แข็งแกร่ง ได้แก่ กลุ่มการแพทย์ กลุ่มขนส่ง กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มส่งออกอย่างอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ ซึ่งคาดยังเห็นเม็ดเงินไหลเข้าเก็งกำไรอย่างกระจุกตัวทำให้ราคาหุ้นมีโอกาส Outperform ตลาด

กลยุทธ์ : เก็งกำไรเป็นรายตัวที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัวและงบ 2Q21 โดดเด่น//สะสมหุ้นพื้นฐานบริเวณ 1,530+-

หุ้นเด่นเดือน ก.ค. : BDMS, DOHOME, EPG, KCE, SONIC

หุ้นเด่นวันนี้ : EKH
  แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2022 ที่ 8.40 บาท
คาดกำไร 2Q21 เติบโตโดดเด่นทั้ง Q-Q และ Y-Y มีโอกาสทำ New High และ Surprise ตลาดจากอานิสงส์ของ COVID-19 ระลอก 3 ทังการตรวจเชื้อและรักษา
สถานการณ์ COVID-19 ที่รุนแรงขึ้นทำให้โมเมนตัมกำไร 3Q21 ยังดีต่อเนื่อง ส่วนระยะยาวหากสามารถเปิดประเทศได้จะมีแรงหนุนจากลูกค้า IVF ชาวจีนที่ทยอยกลับมา เราคาดกำไรปี 2021-2022 +62% Y-Y และ +31% Y-Y ตามลำดับ

  แนวรับ 7.15-7.20 บาท แนวต้าน 7.55//8 บาท

Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคเร่งขึ้นเป็น US$822 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้และไต้หวัน US$622 ล้านและ US$182 ล้าน ตามลำดับ ส่วนตลาดอาเซียนเม็ดเงินไหลออกเกือบทุกประเทศนำโดยไทยราว US$58 ล้าน และไหลเข้าเพียงอินโดนีเซียบางๆ แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลออกจากตลาดที่เริ่มกลับมากังวลการเติบโตของเศรษฐกิจระยะยาวที่อาจชะลอลงจาก COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ๆ และหนุนให้เม็ดเงินยังไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงต่ำและสินทรัพย์ปลอดภัยในระยะสั้น

ประเด็นสำคัญวันนี้
  (+) หุ้นที่คาดกำไร 2Q21 โดดเด่น KCE HANA DOHOME GLOBAL EPG SONIC LEO EKH CHG BCH BDMS NER JWD JR TTA IIG TU

(0) จับตาประชุมศบค.ชุดใหญ่วันนี้ Lockdown หรือไม่ เราประเมินว่าจะมีการออกมาตรการคุมเข้มเพิ่มเติม โดยคาดว่ามีโอกาสประกาศเคอร์ฟิวอีกครั้ง รวมถึงการห้ามเดิมทางข้ามจังหวัดที่เข้มงวดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม SET Index ปรับลง 2 วันล่าสุดรวม 47.67 จุดหรือ -3% คาดว่าสะท้อนโอกาสการเกิด Lockdown ไปมากพอสมควร เราประเมินว่าหากมีการประกาศออกมาในวันพรุ่งนี้หรือหยุดสุดสัปดาห์ คาดดัชนีมี Downside อีกราว 1-2% โดยมีแนวรับสำคัญที่บริเวณ 1,530 จุดและ 1,500 จุด ตามลำดับ ซึ่งเรามองว่าเป็นจังหวะในการทยอยสะสมหุ้นพื้นฐาน อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ระบาดที่ยังมีความเสี่ยง ระยะสั้นจึงยังเน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ กลุ่มการแพทย์ กลุ่มส่งออกอย่างอิเล็กทรอนิกส์ ขนส่ง หุ้นที่เราชอบได้แก่ EKH BDMS KCE SONIC TTA JWD NER

(+) TU ผู้บริหารให้ข้อมูลเชิงบวกจากแผนการเติบโตที่ชัดเจนใน 5 ปีข้างหน้า ที่จะมุ่งเน้นสู่สินค้า Mega Trend อย่าง Innovative Product ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้า Margin สูง หนุนการเติบโตของกำไรได้มากขึ้น ควบคู่ไปกับการรักษารายได้ในกลุ่มสินค้าเดิม และปรับปรุงประสิทธิภาพด้วยการใช้ระบบ Automation มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีแผน Spin Off ธุรกิจ Pet Care ในปี 2022 ต่อจาก TFM ที่เตรียม Listed ภายในปีนี้ ระยะสั้นกำไร 2Q21 สดใส คาด +11% Q-Q และ +16% Y-Y น่าประทับใจ ส่วนแนวโน้ม 2H21 ยังดูดีต่อเนื่องจากทั้งปัจจัยฤดูกาล การฟื้นตัวของ Red Lobster ที่ดีกว่าเป้าหมาย และค่าเงินบาทที่อ่อนค่า เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2021-2022 ขึ้นเป็น +11% Y-Y และ +9% Y-Y ตามลำดับ และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 24 บาท และคาดจ่ายปันผลงวด 1H21 Yield 2% คงคำแนะนำ “ซื้อ”

(+) ITEL คาดกำไร 2Q21 ทรงตัว Q-Q แต่ +18% Y-Y แม้ว่ากำไร 1H21 อาจคิดเป็นเพียง 34% ของประมาณการทั้งปี แต่ด้วย Backlog จำนวนมากและจะรับรู้เป็นรายได้ใน 2H21 ทำให้เรายังคงประมาณการรายได้และกำไรตามเดิม การประมูลโครงการต่างๆไม่มาตามที่คาดจากความรุนแรงของการระบาด COVID-19 แต่จะเลื่อนไปอยู่ใน 2H21 และไม่ทำให้การรับรู้รายได้ในระยะถัดไปสะดุด เรายังคงคาดกำไรปี 2021-2023 โตสูงเฉลี่ย +26% CAGR ยังคงราคาเป้าหมาย 6.40 บาท แนะนำ “ซื้อ”

ปัจจัยที่ต้องติดตาม
9 ก.ค. จีน: เงินเฟ้อ (มิ.ย.)
อังกฤษ: ดุลการค้า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (พ.ค.)
12 ก.ค. สหรัฐฯ: ประมูลพันธบัตรอายุ 10 ปี
13 ก.ค. จีน: นำเข้า-ส่งออก (มิ.ย.)
สหรัฐฯ: เงินเฟ้อ (มิ.ย.)
14 ก.ค. อังกฤษ: เงินเฟ้อ (มิ.ย.)

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 259.86 จุด หรือ 0.75% ปิดที่ 34,421.93 จุด จากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาด COVID-19 ทั่วโลก รวมถึงรายงานตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐเพิ่มขึ้น 2,000 ราย เป็น 373,000 รายในสัปดาห์ที่ผ่านมา จาก 371,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ และสูงกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 350,000 ราย

(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากการแพร่ระบาด COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ในหลายประเทศ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลลดลงอย่างต่อเนื่อง

(-) ตลาดเอเชียปรับลง ตามทิศทางตลาดดาวน์โจนส์ และการใช้มาตรการควบคุม COVID ในหลายประเทศ หลังจำนวนผู้ติดเชื้อยังสูงขึ้น โดยล่าสุดรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงโตเกียวเป็นครั้งที่ 4 มีผลบังคับใช้ในวันที่ 12 ก.ค.-22 ส.ค. รวมถึงเกาหลีใต้มีมติขยายระยะเวลาบังคับใช้มาตรการควบคุมทางสังคมในกรุงโซลและพื้นที่ใกล้เคียง ขณะที่ติดตามจีนรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย.ในเช้านี้

(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง อยู่ที่บริเวณ 32.65 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 74 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 72.94 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 6.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมากกว่านักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 4 ล้านบาร์เรล ขณะที่ยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัส

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 1.9 ดอลลาร์ หรือ 0.11% ปิดที่ 1,800.2 ดอลลาร์/ออนซ์ จากแรงขายทำกำไร อย่างไรก็ดี บรรเทาด้วยการปรับลงของการปรับลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐและการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,040.19 / -0.29

- Advertisement -