ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

ฟื้นตัวต่อ

ฝ่ายวิจัยฯประเมิน SET Index วันจันทร์ฟื้นตัวต่อ หลังจากเมื่อวันศุกร์ตลาดหุ้นไทยรีบาวด์ ตามความชัดเจนของการยกระดับนโยบายคุมเข้มในกทม.และอีก 9 จังหวัดที่มีการระบาดของ COVID-19 รุนแรง ขณะที่การลดลงของดัชนีฯ ในช่วงที่ผ่านมาผนวกกับการปรับลดลงของผลตอบแทนพันธบัตร (bondyield) ส่งผลให้ตัวเลข earnings yield gap (EYG) สูงขึ้นเป็น 4.3% เหนือค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 4.1% แล้ว ชี้ว่าความเสี่ยงทางลงของ SET Index มีไม่มากแล้ว… อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์ COVID-19 ภายในประเทศในช่วงของมาตรการ semi-lockdown และน่าจะส่งผลให้ความผันผวนของตลาดยังคงสูงต่อไป

ปัจจัยต่างประเทศ – เป็นบวก: i) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัว นำโดยหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินหลังจากผลตอบแทนพันธบัตรสหรฐั ฯ กลับมาปรับขึ้น 2 วันติดต่อกัน ซึ่งสะท้อนว่านักลงทุนคลายกังวลต่อศรษฐกิจสหรัฐฯ ii) สำหรับในสัปดาห์นี้ปัจจัยเศรษฐกิจสำคัญในฝั่งสหรัฐฯ ที่น่าจะมีนัยต่อภาวะการลงทุนได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อผู้บริโภคเดือน มิ.ย. ที่จะออกมาในวันอังคาร ทั้งนี้ consensus คาด headline CPI และ core CPI เพิ่มขึ้น 6.0% YoY และ 4.6% YoY ตามลำดับ … นอกจากนี้ในวันพุธ ประธาน ธ. กลางสหรัฐฯ (เฟด) จะมีการแถลงรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสสหรัฐฯ น่าจะมีการส่งสัญญาณถึงแนวนโยบายการเงินของเฟดในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้
ปัจจัยในประเทศ – เป็นลบเล็กน้อย: i) เช้านี้ ศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 อยู่ที่ 8,656 ราย (ติดเชื้อภายในประเทศ 8,583 ราย และติดเชื้อภายในเรือนจำ 73 ราย) เสียชีวิต 80 ราย และหายป่วยกลับบ้าน 3,687 ราย… ii) ในวันนี้จะมีการประชุมทีมเศรษฐกิจ เพื่อพิจารณามาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจาก semi-lockdown รอบล่าสุดซึ่งน่าจะเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ในวันพรุ่งนี้

หุ้นเด่นวันนี้ตามปัจจัยพื้นฐาน

เก็งกำไร PSTC, LEO, SIMAT

PSTC (เป้า Consensus 3.78 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 2.24บาท/แนวต้าน 2.46-2.58 บาท หากผ่านกรอบแนวต้านนี้ไปได้ประเมินทดสอบแนวต้านถัดไป 2.7 บาท (Stop loss 2.1 บาท) 2) ประเมินธุรกิจ EPC (ออกแบบ + ก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน) รับ Sentiment บวกจากปริมาณงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลที่จะเพิ่มขึ้นจากโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน (ล่าสุด กฟภ. ประกาศรายชื่อผู้ผ่านรอบเทคนิครวม 95 แห่ง) 3) Consensus คาดกำไรปี 2565 โต +216% YoY เป็น 351 ล้านบาท หลังจากที่ท่อขนส่งน้ำมันภาคอีสานของ PSTC จะเริ่มเปิดดำเนินการในต.ค.64 นี้และจะทำให้ Forward PE ปี 2565 ลดลงเหลือ 18.9 เท่า (ปัจจุบัน 40.7 เท่า) 4) ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดด่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (PBV 0.94 เท่า) … ประเมินผลกระทบจากการล๊อกดาวน์ต่ำ

LEO (เป้าพื้นฐาน 11.3 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 10.0 บาท / แนวต้าน 10.4 – 10.8 บาท หากผ่านกรอบแนวต้านนี้ไปได้ประเมินทดสอบแนวต้านถัดไป 11.3 บาท (Stop loss 9.5 บาท) 2) ประเมิน Earnings momentum เป็นบวกต่อเนื่องอย่างน้อย 2 ไตรมาสติด (คาดกำไร 2Q64 และ 3Q64 จะทำจุดสูงสุดใหม่ติดต่อกัน) จากปริมาณการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศยังโดดเด่น (พิจารณาจากไทยส่งออกโต + Shanghai Containerized Freight index ทำจุดสูงสุดใหม่เรื่อยๆ) และ 3Q64 เริ่มรับรู้รายได้การส่งสินค้าไทย-จีน (สินค้า E-commerce ไทย – จีน ผ่าน LEO ทั้งหมด จากการเป็นพันธมิตรกับทาง China post) 3) ประเมิน Forward PE ปีนี้ ±32 เท่า มีโอกาสลดลงจากการปรับประมาณการฯขึ้นอีก หาก 2Q-3Q ดีกว่าคาด … เราคาดไม่กระทบจากความเสี่ยงล๊อกดาวน์

SIMAT (เป้าพื้นฐาน6.8บาท) 1)ประเมินแนวรับ 5.4บาท/แนวต้าน 5.7-6.0 บาท หากผ่านกรอบแนวต้านนี้ไปได้ประเมินทดสอบแนวต้านถัดไป 6.4 บาท (Stop loss 5.2 บาท) 2) ประเมิน Earnings momentum เป็นบวกต่อเนื่องอย่างน้อย 2 ไตรมาสติด โดยคาดกำไร 2Q64 – 3Q64 จะโต +YoY, +QoQ ต่อเนื่องกันจาก i) บ.ลูก ฮินชิซึ กำไรดีตามภาคการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าส่งออก ii) รับรู้รายได้โครงการ USO (เน็ตชายขอบ) และ iii) การลดค่าใช้จ่าย SG&A แบบมีนัยสำคัญหลังการเปลี่ยนทีมผู้บริหารใหม่เริ่มเห็นใน 3Q64 3) ประเมินเตรียมยื่นไฟลิ่ง บ.ลูก  ฮินชิซึ ภายใน 2H64 เป็น Catalyst บวกระยะสั้น (คาดหวัง Pre-emptiveright) 4) Forward PE ปีนี้ ±24 เท่า ขณะที่คาดกำไรโต +240% YoY … เราคาดไม่กระทบจากความเสี่ยงล๊อกดาวน์

 

- Advertisement -