รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

ยังคงอยู่กับการเลือกเก็งกำไรรายตัว ในขณะที่จุดที่ระวังยังเป็น Valuation
การแถลงของประธานเฟดเป็นบวกแต่ไม่มีอะไรใหม่ หุ้นยุโรปและสหรัฐฯ แกว่งตัวกรอบแคบ จากความกังวลตัวเลขเงินเฟ้อในหลายประเทศที่ปรับสูงขึ้น ขณะที่การแถลงเศรษฐกิจครึ่งปีของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ต่อคณะกรรมาธิการด้านการเงินของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ยืนยันการเดินหน้ามาตรการผ่อนคลายและการลดวงเงิน QE จะไม่เกิดขึ้นเร็วๆนี้ รวมทั้งจะไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย จนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นอย่างสมบูรณ์ ขณะที่มองเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว ซึ่งโทนโดยรวมไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากการประชุมเฟดในรอบที่ผ่านมา

ประเด็นที่เรากังวลยังเป็นเรื่องของ Valuation ของหุ้นทั่วโลก แม้เราคาดผลประกอบการไตรมาส 2/64 ของหุ้นทั่วโลกจะยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัว อย่างไรก็ตามราคาหุ้นในปัจจุบันสะท้อนการฟื้นตัวส่วนใหญ่ไว้แล้ว

ขณะที่ Valuation ของหุ้นเริ่มอยู่ในจุดที่ตึงตัว อาทิ S&P500 ซื้อขายที่ Price/Sales ที่ระดับมากกว่า 7 เท่า ซึ่งใกล้เคียงช่วงที่เกิดวิกฤติดอทคอม หรือ SET Index ที่ซื้อขายด้วย Earnings yield gap ในระดับที่ค่อนข้างแคบ ซึ่งแม้สถานการณ์ข้างต้นจะไม่ได้บ่งชี้ว่าเราจะเผชิญวิกฤติ หรือหุ้นจะต้องตกแรง แต่จะเป็นสถานการณ์ที่ทำให้ตลาดหุ้นเปราะบางต่อผลประกอบการ และมีอัพไซด์ช่วงสั้นที่จำกัดได้

ดังนั้นภาพรวมจึงเป็นการเลือกเก็งกำไรระหว่างรอจุดซื้อที่ดี และมีเงินสดส่วนหนึ่ง (อย่างน้อย 30-40%) เตรียมไว้เผื่อเกิดความผันผวนที่จะทำให้เราได้มีโอกาสเพิ่มน้ำหนักการลงทุน
ติดตาม THG เซ็นต์สัญญาวัคซีนกับหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่งวันนี้ ซึ่งเราคาดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเป็นสภากาชาด ที่เป็น 1 ใน 5 หน่วยงานหลักที่สามารถนำเข้าวัคซีน (อิง แนวทางบริหารจัดการวัคซีนของ ศบค. 8 มิ.ย.64)

โดยผู้บริหาร น.พ.บุญ วนาสิน คาดจะมีการนำเข้าทั้ง Pfizer และ Novavax ภายในสิ้นก.ค. ซึ่งจะเร็วกว่า Moderna ของสมาคม ร.พ.เอกชน ที่จะเซ็นต์สัญญากับ อ.ย. 16 ก.ค. และนำเข้าในช่วงไตรมาส 4/64 ทั้งนี้เนื่องจากข้อตกลงนี้เป็นเฉพาะระหว่างกลุ่มร.พ.ธนบุรี กับหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง จึงยังไม่มีความชัดเจนในแนวทางบริหารจัดการว่าจะใช้เฉพาะกลุ่มร.พ.หรือจะมีการจัดสรรให้กับร.พ.เอกชนอื่น ซึ่งมีรายงานว่าได้รับการจัดสรรโควตา Moderna ต่ำกว่าที่มีการรับจองไว้พอสมควร //

แม้ประเด็นวัคซีนเป็นบวกกับ THG อย่างไรก็ตามผลการดำเนินงานของหุ้นได้รับผลกระทบจากโควิดที่หนักและฟื้นตัวช้า การเก็งกำไรจึงควรระมัดระวัง (Consensus ให้ราคาเหมาะสมเฉลี่ย 26.15 บาท และส่วนใหญ่แนะนำเพียงถือ)

ธีมลงทุนที่น่าสนใจ เรามองนักลงทุนควรมีหุ้นปลอดภัยหรือหุ้นที่ยังมีการถือครองโดยนักลงทุนต่ำ (under-owned) ผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับลดลง จะเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้หุ้นในกลุ่มปลอดภัยและปันผลสูง มีโอกาสฟื้นตัว และเป็นแหล่งพักเงินที่ดี เน้นทยอยสะสสมเมื่ออ่อนตัวใน หุ้นปันผลและกองรีทส์ ADVANC, AIMIRT, WHART, FTREIT, EASTW, WHAUP, TTW ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อน เป็นบวกต่อกลุ่มอาหารและเกษตร TVO, TU, CPF // เก็งกำไร กลุ่มเดินเรือ PSL, TTA, RCL
ภาพรวมกลยุทธ์: เน้นเลือกเก็งกำไรรายตัวในช่วงที่สถานการณ์ระบาดในประเทศ ยังอยู่ในระดับสูง ก่อให้เกิดความเสี่ยงของการปรับประมาณการและตัวเลขทางเศรษฐกิจ ภาพรวมยังเน้นบริหารความเสี่ยง และปรับสมดุลให้ในพอร์ตมีเงินสดมากพอหากโอกาสซื้อเกิดขึ้น // หุ้นแนะนำ: GPSC*, CKP*, THRE*, EASTW*
แนวรับ: 1,550/ แนวต้าน : 1,575-1,580 จุด สัดส่วน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

ประเด็นการลงทุน
ราคาน้ำมันปรับลด – ซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) สามารถบรรลุข้อตกลงในการผลิตน้ำมันได้แล้ว โดยจะมีการปรับเพิ่มระดับการผลิตน้ำมันขั้นต่ำของ UAE สู่ระดับ 3.65 ล้านบาร์เรล/วัน หลังจากที่ข้อตกลงเดิมหมดอายุในเดือนเม.ย.2565 จากปัจจุบันที่ระดับ 3.17 ล้านบาร์เรล/วัน

GPSC – รายงานเข้าซื้อโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งของไต้หวัน กำลังการผลิตรวม 595MW เปิดดำเนินการปี 66-67 โดย GPSC จะเข้าลงทุน 25% วงเงิน 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยคาดซื้อขายเสร็จสิ้นไตรมาส 2/65

Cash balance – ตลท.ประกาศให้ KWM-W1 และ TEAM ต้องซื้อขายด้วย Cash balance ขณะที่กำหนดให้ DIMET, DIMET-W3, DIMET-W4 เข้าสู่มาตรการควบคุมระดับ 2 // สำหรับหุ้นอื่นที่มีโอกาสติด Cash balance ได้แก่ MENA, SITHAI, CMR, CHG, SCI, CFRESH, PRINC

AUCT. ปรับกลยุทธ์ประมูลออนไลน์ 100% ด้านผู้บริหาร “วรัญญู ศิลา” มองธุรกิจครึ่งปีหลังสดใส เชื่อรถยนต์-รถจักรยานยนต์จ่อเข้าประมูลเพียบ ปักหมุดรายได้ปีนี้โต 10%
ประเด็นติดตาม: – 15 ก.ค.: FED Beige Book, Chinses GDP 2Q21, OPEC Monthly Report, US Initial Jobless Claims

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)

- Advertisement -