รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Our View?
”ในวิกฤตมีโอกาส..” คาดวันนี้ตลาด “ลงแล้วเด้ง” ยังมองแนวรับที่บริเวณ 1,550 / 1,540 แนวต้านที่บริเวณ 1,575 / 1,580 เราคาดตลาดจะให้น้ำหนักกับประเด็นราชกิจจาฯ ประกาศคำสั่ง ยกระดับล็อกดาวน์คุมโควิด ขยายพื้นที่สีแดงเข้ม 13 จว. มีผล 20 ก.ค. 64 ในส่วนของ กพท. ประกาศห้ามบินใน 13 จว. ตั้งแต่ 21 ก.ค.

เรามองว่า สร้างความกดดันส่วนเพิ่มไม่มาก ต่อธุรกิจสายการบิน/สนามบิน เนื่องจากย่ำแย่อยู่แล้ว จากมาตการ Lockdown ที่มีอยู่เดิมในเขต 10 จว. ตั้งแต่ 12 ก.ค. 2564 เป็นต้นมา และทำให้ตัวเลขเที่ยวบิน/วัน ลดลงมากอยู่แล้ว

ยกตัวอย่างเช่นตัวเลขเที่ยวบิน ที่สนามบินดอนเมืองในวันที่ 14 ก.ค. ที่ผ่านมา เหลือเพียง 35 เที่ยวบินต่อวัน เทียบกับ 1,000 เที่ยวบินต่อวัน ในช่วง Pre-COVID-19 ขณะที่คาดอาจมีการออกมาตรการ Lockdown รอบใหม่ตามมาเพิ่มเติม คาดจะมีความเข้มงวดทั่วประเทศเทียบเท่า เม.ย. 63 อาทิ
1. ห้ามเข้าพื้นที่เสี่ยง
2. ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการติดต่อ (สนามมวย, สถานบริการ สถานที่แสดงมหรสพ สปา รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ)
3. ปิดช่องทางเข้ามาในราชอาณาจักร
4. ห้ามกักตุนสินค้า
5. งดเดินทางข้ามจังหวัด
โดยเราคาดว่าหากมาตรการเพิ่มเติมดังกล่าวออกมาในช่วงวันจันทร์ที่ 19 ก.ค. จริง โดยรวมเรามองเป็นบวกต่อทิศทางตลาดในระยะกลาง แต่คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อทิศทางตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นเท่านั้น

เราคาดว่าผลกระทบดังกล่าวคาดไม่ส่งผลต่อหุ้นในกลุ่ม Re-opening theme มากนัก จากเดิมที่รายได้ก็ยังไม่สามารถฟื้นในช่วง 1H อยู่แล้ว อีกทั้งเราคาดว่ามาตรการดังกล่าวคาดจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ในช่วง 2-4 สัปดาห์ต่อจากนี้ คาดสถานการณ์จะไม่แย่มากไปกว่านี้ มองเป็นปัจจัยเชิงบวกในระยะถัดไปซึ่งจะเป็นปัจจัยช่วยจำกัด Downside ของตลาดได้

ในส่วนของความวุ่นวายทางการเมืองรอบใหม่หลังมีการชุมนุมทางการเมืองและทลายการชุมนุมเมื่อคืนนี้ คาดจะเป็น Noise รบกวนตลาดหุ้นไทยได้บ้าง

สัปดาห์นี้เราแนะนำติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มธนาคาร แม้คาดจะออกมาเติบโต YoY ซึ่งได้ปัจจัยบวกจากฐานที่ต่ำในปีที่แล้ว แต่จะลดลง QoQ จากแนวโน้มการตั้ง ECL เมื่อเทียบกับ 1Q64 คาดปรับเพิ่มขึ้นจากลูกหนี้บางส่วนในโครงการช่วยเหลือจากธนาคารไหลเป็น NPL โดย Consensus ประเมินไว้ที่ +46.63% YoY -5.15% QoQ คาดหากออกมาแย่กว่าคาด จะกดดันหุ้นในกลุ่มธนาคารอ่อนตัวลงถ่วงตลาดได้เพิ่มเติม

ทางด้านปัจจัยต่างประเทศ เราคาดตลาดจะได้รับ Sentiment เชิงลบจากความกังวลการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 หลัง LA ประกาศจะบังคับใช้คำสั่งสวมหน้ากากอนามัยอีกครั้งในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ผสานราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ส.ค. เช้านี้ปรับตัวลดลงราว 0.81 เหรียญ แกว่งตัวอยู่ที่ระดับ 71.00 ดอลลาร์/บาร์เรล (-1.13%) หลัง OPEC+ มีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันรวม 2 ล้านบาร์เรล/วัน

โดยให้ทยอยปรับเพิ่มเฉลี่ยเดือนละ 4 แสนบาร์เรล/วันตั้งแต่เดือน ส.ค. ไปจนถึงเดือน ธ.ค. 64 โดยตกลงที่จะเพิ่มโควต้าการผลิตของสมาชิกบางประเทศรวมถึงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE), ซาอุดีอาระเบีย, รัสเซีย คูเวต และอิรัก ในช่วง พ.ค. 65 มองเป็นปัจจัยเชิงลบระยะสั้น เข้ากดดันทิศทางราคาน้ำมันและหุ้นในกลุ่มพลังงานอ่อนตัวลงถ่วงตลาดได้

ธีมการลงทุน ในเชิงกลยุทธ์เรามองการอ่อนตัวลงของตลาดในช่วง 1,550-1,530 เข้าซื้อสะสมหุ้นในธีม
1. Earning Play ที่คาดงบ 2Q64 มีแนวโน้มที่ผลประกอบการดี
อาทิ COM7, SAT, AH, HFT, JMART, GLOBAL, DOHOME, BCH และ CHG
2. Defensive Play ซึ่งเป็นหุ้นที่มี Beta ระดับต่ำทนทานต่อความผันผวนของตลาดได้
อาทิ ADVANC, GPSC, GULF และ BGRIM
3. Export Play ตามการส่งออกยังคงขยายตัวได้โดดเด่นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า รวมทั้งได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของค่าเงินบาท อาทิ KCE, HANA, CCET และ SMT

หุ้นแนะนำวันนี้ “JMART”
ซื้อสะสม แนวรับ 35.50 / 34.50 Target 42.00/ 44.50 Stop <33.00

- Advertisement -