Investment Ideas:

  • ภาพรวมการลงทุน – เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,525-1,550 จุด ความเสี่ยงกดดันภาพรวมการลงทุน ยังคงอยู่ที่สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ ที่ยังคงมีจeนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มข้ึน ขณะท่ีการดำเนินการฉีดวัคซีนยังคงเป็นไปอย่างล่าช้า อย่างไรก็ตาม เราคาดว่า SET วันนี้ ยังมีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่อง จากปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่ม Oil Play ที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัว รวมไปถึง Theme การลงทุนเดิม ที่ยังมีปัจจัยบวกหนุนต่อเนื่อง ได้แก่ หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก ค่าเงินบาทอ่อนค่า หุ้นในกลุ่ม Logistic และหุ้นในกลุ่ม WFH อย่างไรก็ตามนักลงทุนที่พึ่งเริ่มเข้าทยอยสะสมหุ้นในกลุ่มดังกล่าว เราแนะนำ Selective เฉพาะหุ้นท่ียังมี Upside ในเชิงปัจจัยพื้นฐาน
  • ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการเนื่องในวันแห่งทะเล (Marine Day)
  • รายงาน IMF ยังคงประมาณการ GDP โลกขยายตัว 6% แต่ต้องเร่งการฉีดวัคซีน – รายงานจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เดือน มิ.ย. คาดว่าในปี 2564 เศรษฐกิจโลกจะยังคงมีอัตราการขยายตัว 6% เท่ากับตัวเลขคาดการณ์ในรายงาน เดือน เม.ย. โดยยังคงมุมมองต่ออัตราการขยายตัว ในแต่ละประเทศยังคงมีความแตกต่างกันสูง และมองว่าเศรษฐกิจโลกจะไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ หากอัตราการฉีดวัคซีนไม่เพิ่มขึ้นมากกว่านี้ และหากอัตราการฉีดวัคซีนยังคงอยู่ในระดับปัจจุบันต่อไป ภาพรวมเศรษฐกิจโลกจะไม่ สามารถบรรลุเป้าหมาย ในการยุติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายในส้ินปี 2565
  • ราคาน้ำมันดิบฟื้น หนุน Oil Play เรายังเลือก PTTEP และ PTTGC เป็นหุ้นเด่น – สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค. อยู่ที่ 70.2 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 3.0 เหรียญ (+4.5%) เป็นการเพิ่มข้ึน 2 วันทำการ ติดต่อกัน เรามองว่าราคาน้ำมันดิบที่กลับมาฟื้นตัว เป็นผลจากการปรับลดลงกว่า 11% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนความกังวลต่อประมาณการความต้องการใช้น้ำมันดิบในปี 2564-2565 หลังการการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตาทั่วโลก กระทบความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่กลุ่ม OPEC+ บรรลุข้อตกลงในการปรับเพิ่มกำลังผลิตในช่วงที่เหลือของปี 2564 ถึง 2565 ล่าสุด Market Consensus ปรับลดสมมติฐานราคาน้ำมันดิบปี 2564 เฉลี่ยลดลงจาก 80 เหรียญ เหลือ 75 เหรียญต่อบาร์เรล สะท้อน ความเสี่ยงจาก Demand น้ำมันดิบที่ไม่แน่นอนและอุปทานท่ีเพิ่มข้ึน ทำให้เรามองว่า Downside ของราคา น้ำมันดิบรอบนี้หมดไป เรามองเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Oil play (PTT PTTEP OR BCP IRPC SPRC TOP และ ESSO) โดยยังคงเลือก PTTEP (ซื้อ.,ราคาเป้าหมาย 140 บาท) และ PTTGC (ซื้อ.,ราคาเป้าหมาย 82 บาท) เป็นหุ้นเด่น
  • กลุ่มธนาคารรายงานกำไรสุทธิ 2Q64 ดีกว่าคาด แต่ภาพรวมยังลดลง QoQ – ภาพรวมผลประกอบการกลุ่ม ธนาคาร (8 ธนาคารที่เราศึกษา ไม่รวม CIMBT และ LHFG) มีกำไรสุทธิ 2Q64 อยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 10%QoQ และ 70%YoY แต่หากไม่รวมกำไรพิเศษจากการขายหุ้น IPO (TIDLOR) ของ BAY จานวน 1.07 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารใน 2Q64 จะลดลง 14%QoQ สะท้อนภาพรวมของผลประกอบการที่ยังคงอ่อนแอ จากการปล่อยสินเชื่อและ NIM ท่ีลดลง ขณะท่ีการฟื้นตัว YoY เป็นผลมาจากฐานกำไรท่ีต่ำใน 2Q63 และการตั้งสำรองที่ลดลง แนวโน้ม 3Q64 ยังมีความไม่แน่นอนจากภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ระยะสั้นหุ้นในกลุ่มธนาคารยังคงขาดปัจจัยบวกสนับสนุนการลงทุน
  • Company Update: KBANK (ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 177.00 บาท) แนวโน้มยังคงดี แม้เศรษฐกิจผันผวน – แนวโน้มผลประกอบการ 3Q64 เป็นบวก QoQ และ YoY จากรายได้ดอกเบี้ยที่เติบโตต่อเนื่องและการตั้งสำรองที่ทรงตัว ด้านมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของภาครัฐฯ ส่งผลกระทบต่อประมาณการผลประกอบการค่อนข้างจำกัด ก่อนหน้านี้ KBANK รายงานกำไรสุทธิ 2Q64 อยู่ที่ 8,894 ล้านบาท ลดลง 16%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 309%YoY โดย NPL Ratio ในช่วง 2Q64 อยู่ที่ 3.95% ทรงตัวจากสิ้นปี 63 ขณะที่ Coverage Ratio อยู่ที่ 154.1% เพิ่มขึ้นจาก 149% ณ สิ้นปี 63
  • Company Update: TTB (ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 1.54 บาท) แนวโน้มรายได้ 3Q64 อ่อนตัว – แนวโน้มผล ประกอบการ 3Q64 ลดลง QoQ จากรายได้ที่ลดลง แต่ฟื้นตัว YoY จากฐานที่ต่ำในปี 63 ปัจจุบัน NPL Ratio ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ท่ี 2.89% จากสิ้นปี 63 ที่ 2.75% และเงินให้สินเชื่อหดตัวลงมา 2.5%YTD โดยปัจจุบัน มีลูกหนี้ที่อยู่ในมาตรการช่วยเหลืออยู่ที่ราว 14% ของสินเชื่อทั้งหมด ด้านกำไรสุทธิ 2Q64 อยู่ที่ 2,082 ล้านบาท ลดลง 8.9%QoQ และ 18.1%YoY ดีกว่าที่เราคาด 21.7%
  • บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน – Company Update: KBANK และ TTB / Earnings Results: KTB
  • ติดตามรายงานตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจที่สาคัญวันนี้ – รายงานเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ยอดขาย บ้านมือสอง (Existing Home Sales) เดือน มิ.ย. (คาดอยู่ที่ 5.90 ล้านยูนิต) และตัวเลขการยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกประจำสัปดาห์ (Initial Jobless Claims)
  • มุมมองทางเทคนิค – เราคาดว่า SET Index วันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,525-1,550 จุด หุ้นแนะนำทางเทคนิควันนี้ได้แก่ MEGA TOA GTB DEMCO และ GFPT

Core Investment

  1. หุ้นโรงพยาบาล (ซื้อขายระยะสั้น 1 เดือน) เราเลือก TM SMD BCH BDMS และ CHG
  2. WFH เราเลือก (ซื้อขายระยะสั้น 1 เดือน) ADVANC TRUE TPAC SCGP JAS ITEL INSET NETBAY YGG และ AS
  3. หุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า (ซื้อขายระยะกลาง 1-3 เดือน) เราเลือก ASIAN TU HANA KCE SAT AH PACO MEGA NER EPG CBG และ SMPC
  4. หุ้นที่ประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น (ซื้อขายระยะกลาง 1-3 เดือน) เราเลือก APURE SONIC JWD WICE และ NYT
  5. หุ้นสะสมระยะยาว (DCA) (ซื้อขายระยะยาว มากกว่า 1 ปี) เราเลือก AOT BEM ADVANC WHA LH CPALL CPF BDMS HMPRO BBL และ KTB

ตลาดต่างประเทศ (อินโฟเควสท์):

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ : ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,798.00 จุด เพิ่มขึ้น 286.01 จุด (+0.83%) ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,358.69 จุด เพิ่มขึ้น 35.63 จุด (+0.82%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,631.95 จุด เพิ่มขึ้น 133.08 จุด (+0.92%) ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับเพิ่มขึ้น ตอบรับเชิงบวกต่อผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ของบริษัทจดทะเบียน นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากแรงซื้อเก็งกำไร หลังดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลงรุนแรงท่ีสุดในรอบเกือบ 9 เดือน เมื่อวันจันทร์ท่ีผ่านมา

ตลาดหุ้นยุโรป : ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 453.97 จุด เพิ่มขึ้น 7.36 จุด (+1.65%) ตลาดหุ้นยุโรปปรับเพิ่มขึ้น โดยหุ้นบลูชิพปรับตัวขึ้นขานรับการเปิดเผยแนวโน้มผลประกอบการที่สดใส และหุ้นกลุ่มเดินทางดีดตัวขึ้นหลังจากร่วงลงในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

สินค้าโภคภัณฑ์ (อินโฟเควสท์):

  • ราคาน้ำมันดิบ : สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย. ปิดที่ 70.30 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 3.1 เหรียญ (+4.6%) และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือน ก.ย. ปิดที่ 72.23 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.88 เหรียญ (+4.2%) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปรับเพิ่มขึ้น ตอบรับรายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบที่เมืองคูชิงในรัฐโอกลาโฮมาของสหรัฐฯ ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือน ขณะที่ปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นปรับตัวลงเช่นกัน ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐฯ ยังคงเพิ่มข้ึน
  • ราคาทองคำ : สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ส.ค. ปิดท่ี 1,803.4 เหรียญต่อออนซ์ ลดลง 8 เหรียญ (-0.44%) สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปรับลดลง จากการเพิ่มข้ึนของอัตราผลตอบแทน พันธบัตรสหรัฐฯเป็นปัจจัยกดดันตลาด อย่างไรก็ดี สัญญาทองคำปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย เนื่องความวิตกกังวล เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตายังคงกระตุ้น ทำให้นักลงทุนเพิ่มสัดส่วนในการถือทองคำ
  • ราคาถ่านหิน : ราคาถ่านหินตลาดล่วงหน้า (Newcastle) ส่งมอบเดือน ส.ค. 64 ล่าสุด ปิดท่ี 150.7 เหรียญต่อตัน ลดลง 0.3 เหรียญ (-0.2%)
  • ค่าระวางเรือ : Baltic Dry Index (BDI) ล่าสุดปิดที่ 3,058 จุด เพิ่มขึ้น 5 จุด (+0.16%)

ข่าวอื่น ๆ

• FSMART ดึง 3 พันธมิตรยักษ์ใหญ่ ลุยธุรกิจสินค้าเงินผ่อน เตรียมใช้ Big Data เป็นฐานข้อมูลต่อยอดธุรกิจ ประเดิมตลาดมือถือ พร้อมเดินหน้าสินค้าทุกประเภท ตอบโจทย์ฐานลูกค้าบุญเติม 20 ล้านราย (ทันหุ้น)

• BRR โชว์กลุ่มธุรกิจ New S Curve ได้ลูกค้ารายใหญ่ในสหรัฐ เหมาเครื่องจักรสั่งผลิตบรรจุภัณฑ์จากชานอ้อย ล็อตใหญ่ภายใต้สัญญาระยะยาว ป้อนให้ลูกค้ากลุ่มเชนร้านอาหารแบรนด์ชั้นนา รับโอกาสเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 คาดเฟสแรกใช้เครื่องจักร 4 เครื่อง กำลังการผลิต 4 ล้านชิ้นต่อเดือน เริ่มส่งออกเดือนกันยายน-ตุลาคม 2564 ก่อนติดตั้งเพิ่มอีก 6 เครื่องภายในต้นปี 2565 (ทันหุ้น)

• STI เซ็นสัญญาคว้างานท่ีปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้างโครงการศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทยแห่งใหม่ แล้ว เตรียมตอกเสาเข็มกันยายน 64 นี้ คาดใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี หนุนแบ็กล็อกกลุ่ม STI แน่นกว่า 4 พันล้านบาท เดินหน้าลุยประมูลบิ๊กโปรเจ็กต์ช่วงครึ่งปีหลังเพียบ (ทันหุ้น)

- Advertisement -