เน้น Selective คาด SET ยังผันผวนต่อเนื่อง

Investment Ideas:

  • ภาพรวมการลงทุน – เราคาดว่า SET วันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,510-1,535 จุด SET ยังมีความเสี่ยงจาก (1) การแพร่เชื้อของสายพันธุ์เดลต้าที่แพร่ระบาดในวงกว้าง ขณะที่สถานการณ์ปัจจุบันกลับเข้าไปแพร่ระบาดในจีน (2) ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบสะท้อนความกังวลต่อการปรับลดประมาณการความต้องการใช้น้ำมันดิบและ (3) ความไม่แน่นอนต่อการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินของสหรัฐฯในระยะอันใกล้ ล่าสุด Bloomberg รายงานว่ากระทรวงการคลังสหรัฐฯกำลังเตรียมพร้อมปรับลดยอดขายพันธบัตรระยะสั้นและระยะยาวลง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพื่อรองรับการทำ QE Tapering ของเฟด ติดตามการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสันโฮล (26-28 ส.ค. ) เพื่อหาสัญญาณการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน กลยุทธ์การลงทุนเราแนะนำถือเงินสดมากกว่า 50% สำหรับนักลงทุนระยะสั้นถึงกลาง (ลงทุนไม่เกิน 3 เดือน) ยังคงเน้น Theme หลักจาก Core investment โดยเฉพาะหุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อน หุ้นที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์โควิด -19 และมาตรการ WFH ขณะที่การลงทุนระยะยาวเน้นทยอยสะสมหุ้นที่ถูกคาดหมายผลประกอบการ 3Q64 ต่อเนื่องหุ้นในกลุ่ม Dividend play และหุ้นในกลุ่ม DCA
  • PMI สหรัฐฯและจีนปรับลดลงในช่วงที่อุปทานน้ำมันกำลังเพิ่มขึ้นเป็น Sentiment เชิงลบต่อราคาน้ำมันในระยะสั้น – ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯเดือน ก.ค. อยู่ที่ 59.5 จุด (ต่ำกว่าคาดที่ 60.9 จุด) ลดลงจากเดือน มิ.ย. ที่ 60.6 จุดและดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนเดือน ก.ค. อยู่ที่ 50.3 จุด (ต่ำกว่าคาดที่ 51.1 จุด) ลดลงจากเดือน มิ.ย. ที่ 51.3 จุดโดยดัชนี PMI เดือน ก.ค. อยู่ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค. 2563 การปรับลดลงของดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯและจีนกระทบราคาน้ำมันดิบเนื่องจากเป็นประเทศเศรษฐกิจหลักที่ใช้น้ำมันมากที่สุดในโลกเรามองเป็น Sentiment เชิงลบต่อหุ้นในกลุ่ม Oil play ในระยะสั้น อย่างไรก็ตามรายงานการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่ม OPEC ล่าสุดในเดือน ก.ค. อยู่ที่ 26.72 ล้านบาร์เรลต่อวัน (สูงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 2563) เพิ่มขึ้น 610,000 บาร์เรลต่อวัน จากเดือน มิ.ย. อย่างไรก็ตาม การผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของกลุ่ม OPEC การปรับเพิ่มขึ้นของการผลิตน้ำมันเป็นไปตามมติที่ประชุม OPEC+ ที่มีมติเพิ่มกำลังผลิตเดือนละ 400,000 บาร์เรลต่อวันตั้งแต่เดือน ส.ค. ถึง ธ.ค. 2564
  • ธปท. รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจลดลงทุกธุรกิจ สะท้อนภาพประมาณการ GDP ของไทยยังมี Downside – ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน ก.ค. 2564 ลดลงเป็นผลจาก (1) สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 ที่ยืดเยื้อและรุนแรงเพิ่มขึ้น (2) ความเข้มงวดของมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของภาครัฐฯ โดยเฉพาะล่าสุดการประกาศเพิ่มพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) รวมเป็น 29 จังหวัดคิดเป็น 80% ของ GDP รวมในประเทศและ (3) ราคาวัตถุดิบอยู่ในระดับสูงขณะที่ในอีก 3 เดือนข้างหน้าดัชนีความเชื่อมั่นปรับลดลงจากภาคที่มิใช่การผลิตเป็นสำคัญ ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคการผลิตปรับลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของกลุ่มผลิตเหล็กที่ปรับลดลงเป็นสำคัญ เรามองว่าปัจจัยดังกล่าวเป็นความเสี่ยงต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย เนื่องจากที่ผ่านมาเศรษฐกิจยังสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยภาคการผลิต ขณะที่ภาคการบริการยังคงได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ประมาณการ GDP ไทยในปี 2564-2565 ยังมี Downside
  • ค่าเงินบาทอ่อนหนุนหุ้นใน Core investment ที่เราแนะนำ – ค่าเงินบาท 3Q64QTD อ่อนค่า 0.9 บาทต่อเหรียญ (+2.8%QoQ) โดยปี 2564YTD อ่อนค่าลงกว่า 10% ทำให้หุ้นที่เราแนะนำใน Core Investment ในกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า (ซื้อขายระยะสั้น 1-3 เดือน) เราเลือก ASIAN TU HANA KCE PACO MEGA NER EPG และ SMPC และหุ้นที่ประโยชน์จากการส่งออกที่แข็งแกร่ง (ซื้อขายระยะกลาง 3-6 เดือน) เราเลือก APURE SONIC JWD WICE และ NYT เป็นหุ้นในกลุ่มที่น่าสนใจ
  • Earnings Preview: PTT (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 48 บาท) คาดกำไรสุทธิ 2Q64 ลดลง QoQ – คาดกำไรสุทธิ 2Q64 ลดลง 21%QoQ แต่เพิ่มขึ้น YoY จากภาคการผลิตในประเทศที่กลับมาฟื้นตัวยอดขายก๊าซฯ 2Q64 ยังเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ขณะที่ยอดขายโรงแยกก๊าซฯ ยังทรุงตัวในระดับสูง แต่ผลประกอบการถูกลดทอนด้วยการรับรู้กำไรจากธุรกิจ E&P ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นที่ลดลงแนวโน้ม 3Q64 คล้าย 2Q64 มีโอกาสลดลง QoQ แต่เพิ่มขึ้น YoY ราคาหุ้น Laggard เป็นจังหวะที่ดีต่อการเข้าลงทุนแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 48 บาท
  • บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน – Earnings Preview: PTT
  • ติดตามรายงานตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจที่สำคัญวันนี้ – รายงานเศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรป ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน มิ.ย.
  • มุมมองทางเทคนิค – เราคาดว่า SET Index วันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,510-1,535 จุด หุ้นแนะนำทางเทคนิควันนี้ ได้แก่ PLANB CKP และ UV

Core Investment:

  1. หุ้นที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์โควิด (ซื้อขายระยะสั้น 1-3 เดือน) เราเลือก TM SMD BCH BDMS และ CHG
  2. WFH เราเลือก (ซื้อขายระยะสั้น 1-3 เดือน) ADVANC TRUE TPAC SCGP JAS ITEL INSET NETBAY YGG และ AS
  3. หุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า (ซื้อขายระยะสั้น 1-3 เดือน) เราเลือก ASIAN TU HANA KCE PACO MEGA NER EPG และ SMPC
  4. หุ้นที่ประโยชน์จากการส่งออกที่แข็งแกร่ง (ซื้อขายระยะกลาง 3-6 เดือน) เราเลือก APURE SONIC JWD WICE และ NYT
  5. หุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง (ซื้อขายระยะยาว มากกว่า 6 เดือน) เราเลือก KKP TCAP TASCO PSH TISCO SPCG SC WHAUP CTW ORI RATCH TVO TTW และ SPALI
  6. หุ้นสะสมระยะยาว (DCA) (ซื้อขายระยะยาว มากกว่า 1 ปี) เราเลือก AOT BEM ADVANC WHA LH CPALL CPF BDMS HMPRO KBANK และ KKP

ตลาดต่างประเทศ (อินโฟเควสท์):

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ : ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,838.16 จุด ลดลง 97.31 จุด (-0.28%) ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,387.16 จุด ลดลง 8.10 จุด (-0.18%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,681.07 จุด เพิ่มข้ึน 8.39 จุด (+0.06%) ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับลดลง จากการที่นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาและการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ประเด็นดังกล่าวลดทอนปัจจัย บวกจากข่าวความคืบหน้าในการผลักดันร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ

• ตลาดหุ้นยุโรป : ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 464.45 จุด เพิ่มขึ้น 2.71 จุด (+0.59%) ตลาดหุ้นยุโรปปรับเพิ่มขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทในภาคการเงิน และกิจกรรมการควบรวมกิจการของหลายบริษัทในยุโรป

สินค้าโภคภัณฑ์ (อินโฟเควสท์):

  • ราคาน้ำมันดิบ: สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย. ปิดที่ 71.26 เหรียญต่อบาร์เรล ลดลง 2.69 เหรียญ (-3.6%) และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือน ต.ค. ปิดที่ 72.89 เหรียญต่อบาร์เรล ลดลง 2.52 เหรียญ (-3.3%) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากสหรัฐฯ และจีนรายงานข้อมูลภาคการผลิตท่ีอ่อนแรงลง ในเดือน ก.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือน
  • ราคาทองคำ : สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดที่ 1,822.2 เหรียญต่อออนซ์เพิ่มขึ้น 5 เหรียญ (+0.28%) สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปรับเพิ่มขึ้นโดยได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการปรับลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ
  • ราคาถ่านหิน: ราคาถ่านหินตลาดล่วงหน้า (Newcastle) ส่งมอบเดือน ก.ย. 64 ล่าสุด ปิดที่ 147.50 เหรียญต่อตัน ลดลง 0.45 เหรียญ (-0.30%)
  • ค่าระวางเรือ: Baltic Dry Index (BDI) ล่าสุดปิดท่ี 3,282 จุด ลดลง 10 จุด (-0.30%)

    ข่าวอื่น ๆ

• ZIGA ส่งสัญญาณครึ่งปีหลังพร้อมขายเหล็กสร้างโรงเรือนกัญชง เชื่อความต้องการสูง หลังผู้ประกอบการเริ่มได้ ใบอนุญาตเพาะปลูกแล้ว ฟากบอสใหญ่ “ศุภกิจ งามจิตรเจริญ” เล็งชงบอร์ดเคาะงบไตรมาส 2 วันที่ 11 สิงหาคมนี้ จับตาผลงานทุบสถิติ เล็งปรับเป้ารายได้ จากเดิมคาดโต 15% โชว์แบ็กล็อกเต็มหน้าตัก 600 ล้านบาท (ทันหุ้น)

• THCOM จ่อได้บริหารดาวเทียมไทยคม 4,6 ต่อ หลังสิทธิการใช้อยู่ในมือ NT ขณะที่ บิ๊ก NT รับจะพิจารณาให้ เอกชนร่วมบริหารแบ่งรายได้กันรอสรุปเดือนนี้ ขณะท่ีรัฐมนตรี DES แจงต้องแบ่งค่าตอบแทนให้รัฐด้วย (ทันหุ้น)

• SNNP รับอานิสงส์คนแห่ตุนของกินช่วงอยู่บ้าน หนุนออเดอร์กระฉูด พร้อมจ่อคลอดแคมเปญ WFH กระตุ้น ยอดขายเพิ่ม แถมปักหมุดปี 2564 รายได้เติบโตดีกว่าปีก่อน ชี้พอร์ตลูกค้าขยายตัวต่อเนื่อง (ทันหุ้น)

- Advertisement -