Trading Range

แกว่งตัวออกข้าง ลุ้นรีบาวด์ได้ 1620-1640

Picks Of The Day
CPALL BUY
  • คาดธุรกิจฟื้นตัวใน 4Q64: การทยอยเปิดเมืองส่งผลให้การทำงานและการเดินทางระหว่างจังหวัดกลับสู่ภาวะปกติมากขึ้น โดยแม้ผลกำไรใน 3Q64 ยังไม่สดใส หากคาดธุรกิจฟื้นตัวใน 4Q64
  • แนวโน้มภาระดอกเบี้ยลดลง: การ Refinance Bridging Loan เป็นหุ้นกู้ที่แล้วเสร็จใน 2Q64, ถ่าย โอน Lotus’s ไปให้ MAKRO ใน ต.ค.64 และแผนขายหุ้น MAKRO บางส่วนช่วง PO จะช่วยลดภาวะการเงินทำให้ธุรกิจมีความคล่องตัวมากขึ้น

MAJOR BUY

  • ธุรกิจจะฟื้นตัวต่อเนื่อง: หลังกลับมาเปิดโรงภาพยนตร์และธุรกิจที่เกี่ยวข้องได้ คาดจะเห็นรายได้ฟื้นตัวต่อเนื่องไปถึงปีหน้า อีกทั้งหนังฮอลลีวู้ดเข้าฉายต่อเนื่องอย่าง Fast 9, Jungle Cruise, The Last Duel และหนังไทยของ GDH “ร่างทรง”
  • คาดจะมีปันผลพิเศษ: จากการขาย SF ให้ CPN จะได้รับเงิน 7,766 ลบ. และมีกำไร (หลังภาษี) 2,824 ลบ. คาดจะมีปันผลพิเศษ 1 บาท/หุ้น จากราคาปิดเมื่อวานให้ Yield ที่ 4.6%

ตลาดหุ้นวันนี้

  • แกว่งตัวออกข้างลุ้นรีบาว์ได้: วานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงกว่า 13 จุด ด้วยเผชิญแรงขายทำกำไรในหุ้นที่ปรับตัวขึ้นไปมากก่อนหน้านี้ แต่ในวันนี้คาดว่า SET Index จะเริ่มแกว่งตัวออกข้างในกรอบระหว่าง 1620-1640 จุด โดยที่บริเวณแนวรับ 1625 จุด อาจเกิดการรีบาวด์เชิงเทคนิคและได้ปัจจัยหนุนอ่อนๆ จากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายและส่งเสริมการลงทุน จากการดึงเม็ดเงินลงทุนต่างชาติเข้ามาในไทย โดยที่ประชุมครม. วานนี้อนุมัติเพิ่มวงเงินมาตรการคนละครึ่งเฟสที่ 3 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ตลอดจนอนุมัติในหลักการการอนุญาตให้คนต่างด้าว ซึ่งได้รับบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อการทำงาน รวมทั้งการกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อเข้าร่วมโครงการ Flexible Plus Program (ต้องลงทุนในไทยตามประเภทของการลงทุนที่กำหนดมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในกำหนดระยะเวลา 1 ปี) อย่างไรก็ดี คาดการรีบาวด์ของตลาดยังไปได้ไม่ไกล เนื่องจากเริ่มใกล้การประชุม FOMC เดือน พ.ย. 64 ที่คาดว่า Fed จะประกาศทำ QE Tapering ในครั้งนี้ จึงจะทำให้นักลงทุนบางส่วนอาจชะลอการลงทุนเพื่อรอดูทิศทางและปัจจัยใหม่ๆ อีกครั้งหลังการประชุมดังกล่าว
  • ตัวเลขเศรษฐกิจน่าติดตามวันนี้: 1) ตัวเลข CPI และ Core CPI ของอังกฤษและสหภาพยุโรป 2) สินค้าคงคลังน้ำมันดิบสหรัฐและ 3) อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดีของธนาคารกลางจีน
  • ถอดบทเรียนเปิดประเทศ: เหลือเวลาอีกประมาณ 2 สัปดาห์ประเทศไทยจะเข้าสู่การเปิดประเทศอย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันที่ 1 พ.ย. 64 หลังเผชิญการระบาดของ COVID-19 และปิดประเทศตั้งแต่เดือน มี.ค. ปีที่แล้วบนความคาดหวังว่าการเปิดประเทศในครั้งนี้จะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามา พลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ดี สถานการณ์ COVID-19 ทั้งทั่วโลกและประเทศไทยเองก็ยังไม่สงบดี การเดินทางเข้ามาของต่างชาติยังคงเพิ่มความเสี่ยงการระบาดใหม่ได้ทุกขณะ ดังที่เกิดแล้วในประเทศสิงคโปร์ ออสเตรเลีย อังกฤษ ที่ใช้มาตรการอยู่ร่วมกับ COVID-19 พบว่าผู้ติดเชื้อเร่งตัวขึ้น 2-3 เท่าตัว อ้างอิงจากแบบจำลองของศบค. คาดว่าหากไทยเปิดประเทศรับต่างชาติอีกครั้ง ผู้ติดเชื้อรายวันจะอยู่ที่ราว 2-3 หมื่นรายจากปัจจุบัน แต่ความแตกต่างคือหากฉีดวัคซีนครบโดสแล้วเกิน 70-80% ของประชากร จํานวนเคสที่รุนแรงและเสียชีวิตจะลดต่ำลง ทำให้ดำเนินมาตรการต่อไปได้ และนักท่องเที่ยวต่างชาติอาจเดินทางมาต่ำกว่าที่คาด แม้จะไม่ต้องกักตัวในประเทศไทย แต่เมื่อเดินทางกลับอาจเผชิญมาตรการสาธารณสุขจากประเทศต้นทางจนกว่าสถานการณ์การระบาดจะดีขึ้น จึงเป็นโจทย์ยากของประเทศในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 นี้
- Advertisement -