ASW ผงาดรับปีเสือ เปิดกลยุทธ์ขยายธุรกิจ ประกาศร่วมทุน “ทาคาระ เลเบ็น” ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำญี่ปุ่น เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 51% เตรียมลุยพัฒนาคอนโดฯ ประเดิมโครงการแรก “แอทโมซ บางนา” มูลค่ากว่า 2,200 ล้านบาท พร้อมสบช่องเข้าเทคโอเวอร์กิจการ “แม็กซี่ พรีเมียร์ วัน” ในสัดส่วน 100% นำร่องโปรเจคแรก Maxxi Prime Ratchada-Sutthisan คอนโดฯ Low Rise ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสุทธิสารและส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีลาดพร้าว มูลค่า 570 ล้านบาท ระบุเพื่อเพิ่มศักยภาพธุรกิจ มั่นใจผลตอบแทนคุ้มค่ากับการลงทุน  หนุนรายได้ กำไรโตแกร่ง

นายกรมเชษฐ์  วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2565 ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง โดยได้เข้าร่วมทุน  (Joint Venture  Agreement) กับบริษัท Takara Leben (ทาคาระ เลเบ็น)  ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงและมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มายาวนานกว่า 50 ปี โดยบริษัทจะถือหุ้นในสัดส่วน 51% และทาคาระ เลเบ็น จะถือหุ้นในสัดส่วน 49%  โดยจะร่วมกันพัฒนาโครงการคอนโดฯ “แอทโมซ บางนา” มูลค่าโครงการกว่า 2,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการโลว์ไรส์ขนาดใหญ่ บนทำเลศักยภาพย่านบางนา ใกล้รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว และ MRT สายสีเหลือง  ประเดิมเป็นโครงการแรก

สำหรับ Takara Leben เป็นบริษัทในเครือ ทาคาระ กรุ๊ป เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยวมากว่า 500 โครงการ  ทั้งยังประกอบธุรกิจโรงผลิตไฟฟ้าและธุรกิจโรงแรมในญี่ปุ่น จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวเมื่อปี พ.ศ. 2547 และจะดำเนินธุรกิจครบ 50 ปีในปีนี้

นอกจากนี้ ASW ได้แจ้งการเข้าซื้อกิจการบริษัท แม็กซี่ พรีเมียร์ วัน จำกัด ในสัดส่วน 100%  ของทุนจดทะเบียน เพื่อขยายการลงทุนในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งบริษัท แม็กซี่ พรีเมียร์ วัน จำกัด  เป็นผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม Maxxi Prime Ratchada-Sutthisan คอนโดฯฯ Low Rise  สูง 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 218 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 570 ล้านบาท ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสุทธิสาร และส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีลาดพร้าว ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2565 โดยปัจจุบันสร้างเสร็จแล้วประมาณ 83%

“โครงการนี้ผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดี  สอดคล้องกับหลักการพัฒนาโครงการของแอสเซทไวส์ คือเน้นสร้างความสุขในการอยู่อาศัย ผ่านทั้งทำเลศักยภาพ ตัวโครงการที่ดี การออกแบบห้องพักที่สวยงามลงตัว และการมอบความสุขด้วยส่วนกลาง (Facility) ที่มอบให้อย่างเต็มที่ โครงการมีกำหนดแล้วเสร็จในไตรมาสแรกของปี 2565 ซึ่งหมายความว่าพร้อมโอนกรรมสิทธิ์เพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ในเวลาอันรวดเร็ว ช่วยลดระยะเวลาในการพัฒนาโครงการ  ทั้งยังเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า  เพราะได้อัตราผลตอบแทนภายใน (IRR) สูงกว่าการพัฒนาโครงการเองจากที่ดินเปล่า” นายกรมเชษฐ์ กล่าว

นอกจากนี้ ASW ยังแสวงหาการลงทุนในทุกรูปแบบ การร่วมมือหรือ Synergy เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ถือเป็นแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัท ทั้งกับพันธมิตรในลักษณะ Joint Venture   และการเข้าซื้อกิจการบริษัท แม็กซี่ พรีเมียร์ วัน จำกัด เพราะเป็นการสร้างโอกาส เพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งให้กับ ASW มากยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ผลักดันรายได้และกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืนในอนาคต

*********

- Advertisement -