บล.พาย: 

MAJOR: คาดกำไร 1Q22 คือจุดต่ำสุดของปี

กำไรสุทธิ 1Q22 อยู่ที่ 24 ล้านบาท หากไม่รวมรายการพิเศษ บริษัทจะมีผลขาดทุนสุทธิ 91 ล้านบาท เทียบกับ ขาดทุน 101 ล้านบาทใน 1Q21 และกำไรปกติ 142 ล้านบาทใน 4Q21 ผลประกอบการดังกล่าวถือว่าต่ำกว่าคาด  แต่คาดว่ากำไรในไตรมาสที่เหลือของปีจะช่วยให้บรรลุประมาณการทั้งปี 2022 ที่ 642 ล้านบาทได้

  • ผลประกอบการที่ลดลง QoQ เป็นผลจากรายได้ที่หดตัวลง 28%QoQ เพราะมีอุปสงค์สะสมจากช่วงล็อกดาวน์ที่ไหลเข้ามาในช่วง 4Q21 บวกกับยอดขายตั๋วที่ยอดเยี่ยมจากเรื่อง Spider-Man: No Way Home
  • ผลประกอบการที่ปรับดีขึ้น YoY ได้แรงหนุนจากรายได้ที่โตขึ้น 32% เพราะฐานต่ำจากการล็อกดาวน์ในเดือน ม.ค. 2021 ซึ่งเป็นผลจากโควิดระลอก 3
  • คาดผลการดำเนินงานของบริษัทจะค่อยๆ ปรับดีขึ้นใน 2Q22 จากจุดต่ำใน 1Q22 เพราะมีภาพยนตร์คุณภาพดี จํานวนมากที่จะเข้าฉาย
  • Upside ต่อกำไรยังคงเดิม 1) การลงทุนครั้งใหม่ที่มีเงินทุนจากเงินสดที่ได้จากการขายหุ้น SF และ 2) การขายป๊อปคอร์นในร้านโมเดิร์นเทรด (เริ่มใน 2Q22)

คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 23.70 บาท อิง 19.9x PE’23E หรือค่าเฉลี่ย 5 ปี

สรุปผลประกอบการ

  • กำไรสุทธิ 1Q22 อยู่ที่ 24 ล้านบาท หากไม่รวมรายการพิเศษ บริษัทจะมีผลขาดทุนสุทธิ 91 ล้านบาท เทียบกับขาดทุน 101 ล้านบาทใน 1Q21 และกำไรปกติ 142 ล้านบาทใน 4Q21
  • ผลประกอบการที่ลดลง QoQ เป็นผลจากรายได้ที่หดตัวลง 28%QoQ เพราะมีอุปสงค์สะสมจากช่วงล็อกดาวน์ที่ไหลเข้ามาในช่วง 4Q21 บวกกับยอดขายตั๋วที่ยอดเยี่ยมจากเรื่อง Spider-Man: No Way Home ที่ล่าสุดถูกจัดเป็นภาพยนตร์ทำเงิน 10 อันดับแรกตลอดกาลในแง่ของรายได้ตั๋วชมภาพยนตร์
  • ผลประกอบการที่ปรับดีขึ้น YoY ได้แรงหนุนจากรายได้ที่โตขึ้น 32% เพราะฐานต่ำจากการล็อกดาวน์ในเดือน ม.ค. 2021 ซึ่งเป็นผลจากโควิดระลอก 3
  • อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ลดลงอย่างมากจากจุดสูงรอบ 5 ไตรมาสที่ 27.7% ใน 4Q21 มาอยู่ที่ 11.1% ใน 1Q22 เนื่องจากรายได้ที่ลดลง
  • อัตราส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหาร (SG&A) ต่อยอดขายลดลงแตะจุดต่ำรอบ 11 ไตรมาสที่ 25.1% จากการควบคุมต้นทุนที่ดี

ปรับลดประมาณการกําไรสุทธิปี 2023 และ 2024 ลง 1% และ 5% ตามลําดับ

ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 และ 2024 ลง 1% และ 5% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนถึง 1) คาดการณ์ว่า GPM จะลดลงเป็น 34.8% และ 34.7% ในปี 2023-24 ตามลำดับ เนื่องจากรายได้การโฆษณาที่มีอัตรากำไรสูงขึ้นฟื้นตัวช้ากว่าคาด และส่วนแบ่งรายได้ท่ีสูงขึ้น จากการจัดส่งป๊อปคอร์นที่มีอัตรากำไรต่ำกว่าการขายหน้าโรงภาพยนตร์ และ 2) SG&A ต่อยอดขายที่คาดว่าจะเพิ่มเป็น 26.5% และ 24.2% ตามลำดับ และคาดว่าประโยชน์จากความประหยัดต่อขนาด (economies of scale) จะน้อยลงเมื่อทุกโรงภาพยนตร์กลับมาดำเนินงานเต็มพิกัด

Revenue breakdown

MAJOR ประกอบธุรกิจโรงภาพยนตร์ภายใต้แบรนด์ตนเอง ด้วยบริการชมภาพยนตร์หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น RealD, 2D, 3D, 4DX, IMAX และ Screen X ซึ่งหน่วยธุรกิจนี้คิดเป็น 75% ของรายได้รวม

ขณะที่ธุรกิจบริการสื่อโฆษณาคิดเป็น 10% ของรายได้รวม ด้วยบริการที่หลากหลาย เช่น สื่อโฆษณาบนจอฉายภาพยนตร์ที่ให้บริการตามเครือข่ายสาขา Major Cineplex ของบริษัททั้งหมด

ทั้งยังดำเนินธุรกิจโบว์ลิ่งและคาราโอเกะภายใต้แบรนด์ Blu-O Rhythm & Bowl ปัจจุบันมีเลนโบว์ลิ่งอยู่ 298 เลน และห้องคาราโอเกะ 169 ห้อง และยังมีลานสเก็ตน้ำแข็งอีก 5 แห่ง โดยรวมแล้วคิดเป็น 2% ของรายได้รวม

ส่วนธุรกิจอื่นๆ จะรวมถึงธุรกิจพื้นที่เช่า (คิดเป็น 9% ของรายได้รวม) และคอนเทนต์ภาพยนตร์ (5% ของรายได้รวม)

- Advertisement -