ทิศทางเศรษฐกิจไทยยังเห็นการขยายตัวในปีหน้า

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันจันทร์ปิดลบ 0.13% ภาพรวมยังดูไร้ปัจจัยใหม่ๆ ขณะที่นักลงทุนกังวลกับ สถานการณ์ COVID-19 ในจีนหลังจากจีนสั่ง Lockdown บางพื้นที่เนื่องจากเผชิญกับผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ลดลง 0.19% จากช่วงแรกปรับฐานแรงถึง 5%

Market Outlook

เมื่อวานที่ผ่านมาทางสภาพัฒน์รายงาน GDP 3Q22 ขยายตัว 4.5%YoY 1.2%QoQ ใกล้เคียงที่ตลาดคาดการณ์ไว้ หลักๆ เป็นผลจากการบริโภค +9%YoY การลงทุนภาคเอกชน +11%YoY สำหรับการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวดีขึ้นในทุกหมวด ด้านการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวจากการลงทุนในเครื่องจักร แนวโน้ม 2023 สภาพัฒน์คาดการณ์เศรษฐกิจไทยขยายตัวเฉลี่ย 3.5%YoY โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว โดยทางสภาพัฒน์คาดการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2023 ราว 23.5 ล้านคน ด้านการขยายตัวของการลงทุนรัฐและเอกชนก็คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องรวมการบริโภคภาคเอกชน แต่การส่งออกคาดทรงตัวเทียบกับปีนี้ แต่เชื่อว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะเป็นบวก โดยรวมมองว่าจะเป็นบวกกับหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT SPA) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ธนาคาร (BBL KBANK SCB TISCO TTB) การลงทุน (AMATA WHA) ส่วนการเคลื่อนไหวเช้านี้ของตลาดหุ้นญี่ปุ่น Nikkei +0.74% มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อ SET INDEX ในวันนี้ให้มีโอกาสปรับขึ้นเล็กน้อยในกรอบ 1619 – 1626

ปัจจัยติดตามคืนนี้ ได้แก่ ดัชนีภาคการผลิตของรัฐริชมอนด์ Bloomberg คาดที่ 9 หากติดลบ แย่กว่าคาดมองเป็นบวกกับตลาดหุ้น โดยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญจะเน้นไปที่คืนพรุ่งนี้ อาทิ ยอดขายบ้านมือหนึ่งของสหรัฐฯ รวมไปถึงการออกมาให้ข้อมูลของประธาน FED สาขาต่างๆ

เชิงกลยุทธ์การลงทุนอาจเพิ่มการถือครองเงินสดบ้าง หลังตลาดหุ้นรับรู้ปัจจัยบวกไปพอสมควร ส่วนหุ้นแนะนำยังเน้นที่กลุ่ม Domestic อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK SCB TISCO TTB) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT SPA) สื่อนอกบ้าน (PLANB) สินค้า IT (COM7) พร้อมแนะทยอยสะสมโรงไฟฟ้าและสื่อสาร (ADVANC BGRIM GPSC INTUCH) รับกระแสดอกเบี้ยสหรัฐฯ ใกล้จะเข้าสู่จุดสูงสุด

Pi Stock Picks

BBL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 171.00 บาท)

ด้วยสินเชื่อที่โตอย่างยืดหยุ่นและมีอัตราส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) ขยายตัวขึ้น จึงคาดว่ากำไรสุทธิรายไตรมาสในไตรมาส 4/22 จะแตะจุดสูงสุดของปีนี้ โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะโต 15%/18%/16% ในปี 2022-24 ตามลำดับ ในด้านมูลค่าหุ้นก็ยังน่าดึงดูด

HMPRO (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 1800 บาท)

คาดกำไรไตรมาส 4/22 จะแตะจุดสูงของปี หนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากการซ่อมแซมบ้านหลังอุทกภัย บวกกับมาตรการกระตุ้นภาครัฐ และการเปิดสาขาใหม่ 6 แห่งในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ยังคงประมาณการอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิที่ 16% ในปี 2022 และ 7% ในปี 2023 ซึ่งจะทำให้กำไรกลับมาสูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 แล้ว

- Advertisement -