Daily Focus: Selective Play

2023SET Target: 1760

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ในกรอบแคบตามคาด ปิดบวกเล็กน้อย 1.48 จุด ณ สิ้นวัน แต่ยังแข็งแรงกว่าตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ที่พักตัว โดยได้แรงหนุนจาก GDP 3Q22 ของไทยที่ออกมาดีกว่าคาดเล็กน้อย สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้น 409 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องอีก 1.5 พันลบ. (แต่ Short Index Futures ราว 7 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,610-1,630 จุด โดยตลาดยังขาดปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน ฝั่งต่างประเทศตลาดยังรอดูรายงานการประชุม FED และ Comment ของประธาน FED สาขาต่างๆ ซึ่งภาพรวมส่วนใหญ่เริ่มมองการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอ ขณะที่ฝั่งจีนตลาดกังวลต่อสถานการณ์ COVID-19 มากขึ้นหลังมีผู้เสียชีวิตรายแรกนับตั้งแต่เดือน พ.ค. ทำให้ตลาดยังกังวลว่าจีนอาจเปิดประเทศได้ช้ากว่าที่ประเมิน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยคาดว่ายังเคลื่อนไหวได้แข็งแกร่งกว่าประเทศอื่น คือ ภาพเศรษฐกิจที่แข็งแรง โดย GDP 3Q22 ออกมาดีกว่าคาดเล็กน้อย และช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มใน 4Q22-2023 ด้านกระแสเงินทุนปัจจุบันไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงบางๆ และกลับเข้าถือเงินสดอีกครั้งเห็นได้จาก Dollar Index ที่ฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง เช่นเดียวกับ Bond Yield ที่ขยับขึ้น ขณะที่ส่วนต่าง Bond Yield 10 ปีและ 2 ปีของสหรัฐฯยัง ขยับติดลบกว้างถึง -71 bps ยังสะท้อนความเสี่ยงเกิด Recession ที่สูงในปีหน้า เราประเมินตลาดยังอยู่ในช่วงแกว่งพักตัวสร้างฐานระยะสั้น โดยยังคงมองบวกในระยะกลาง-ยาว ตามทิศทางเศรษฐกิจที่เร่งตัว โดยมองแนวรับหลักระยะกลาง-ยาวที่แข็งแรงอยู่ที่บริเวณ 1,580+- จุด

กลยุทธ์ : เลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว//ยังถือลงทุนต่อเนื่องหลังสะสมหุ้นเพิ่ม ไปแล้วช่วงปรับฐาน

หุ้นเด่นเดือน พ.ย. : BBL, DOHOME, EKH, MAKRO, NOBLE

หุ้นเด่นวันนี้ : CPN

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 85 บาท
  • แนวโน้มกำไร 4Q22 คาดเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องตามการ Reopening หนุน Traffic เข้าห้างกลับมาปกติ ทำให้ส่วนลดค่าเช่าจะลดลงมากกว่า 3Q22 ซึ่งอยู่ที่ 11% ขณะที่ปี 2023 คาดว่ามีแนวโน้มที่ค่าเช่าจะกลับไปเท่าปี 2019 ได้
  • เราคาดกำไรปี 2022-2023 +63% Y-Y และ +33% Y-Y ตามลำดับ การเติบโตระยะยาวรองรับด้วยแผนการเปิดห้างใหม่อีก 2-3 แห่งต่อปี รวมถึงโครงการคอนโดและ Mix-Used รวมถึงโรงแรม ด้วยเม็ดเงินลงทุน 5 ปี 1.2 แสนลบ.
  • แนวรับ 68-67 บาท แนวต้าน 70//72 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังคงค่อนข้างเบาบาง ไหลออกจากภูมิภาค US$155 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$159 ล้าน ไต้หวันไหลออกเล็กน้อย ขณะที่อาเซียนเม็ดเงินต่างชาติค่อนข้างนิ่ง มีเพียงไทยที่ไหลเข้าพอสมควร US$42 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังคงเบาบางและค่อนไปในทิศทางไหลออก ยังคงรอดูรายงานการประชุม FED สัปดาห์นี้เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต รวมถึงกังวลมาตรการคุม COVID-19 จีนหลังสถานการณ์น่าเป็นห่วงมากขึ้น

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) GDP 3Q22 ของไทยดีกว่าคาด +1.2% Q-Q, +4.5% Y-Y ดีกว่าที่ตลาดคาด +0.8% Q-Q โดยเครื่องยนต์หลักที่ขับเคลื่อนอยู่ที่ภาคเอกชนทั้งการบริโภคและการลงทุนที่เร่งตัวแรง +9% Y-Y และ +11% Y-Y ช่วยชดเชยการใช้จ่ายภาครัฐและการลงทุนที่ชะลอลงได้หมด ขณะที่ภาคบริการเร่งตัวขึ้นแรงหนุนจากการเปิดประเทศทำให้นักท่องเที่ยวกลับเข้ามาชัดเจนขึ้น แนวโน้ม GDP 4Q22 คาดเร่งตัวขึ้นทั้ง Q-Q และ Y-Y หนุนจาก Festive Season ของการบริโภคและ High Season ของภาคการท่องเที่ยว NESDB คาด GDP ปี 2022 +3.2% Y-Y และคาดปี 2023 ในกรอบ +3-4% Y-Y (ธปท.คาด +3.8% Y-Y) ภาพรวมเรายังคงมองบวกต่อหุ้น Domestic/Reopening Play หุ้นที่เราชอบยังคง ได้แก่ BBL CK CPALL CPN DOHOME JWD MAKRO NOBLE PRM

(+) AOT รายงานขาดทุนปกติ 4QFY22 1.1 พันลบ. ดีขึ้นจาก 3QFY22 ที่ 2.4 พันลบ. และ ดีกว่าที่เราคาดที่ขาดทุน 1.4 พันลบ. จาก EBITDA Margin ที่สูงกว่าคาดและรายได้ภาษี ด้าน Operation รายได้เติบโตดี +40% Q-Q จากทั้งปริมาณผู้โดยสารทั้งไทยและต่างชาติที่เร่งขึ้นอย่างมีนัยยะ เราคาดโมเมนตัม 1QFY23 ยังดีขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุดเดือน พ.ย. จำนวนผู้โดยสารไทยและต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 78% และ 53% เทียบกับก่อน COVID-19 ภาพรวมทั้ง ปี 2023 คาดพลิกกลับมามีกำไรได้ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2019 คงราคาเป้าหมาย 85 บาทแนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)

 

(-) ตลาดดาวโจนส์ ปิดที่ 33,700.28 จุด ลดลง 45.41 จุด หรือ -0.13% จากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ หลังจากจีนประกาศล็อกดาวน์เขตต่างๆ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของ Covid-19

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลง นำโดยหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ จากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากมาตรการควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ เพิ่มขึ้นในจีน

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย แกว่งตัวผสมจากปัจจัยเฉพาะประเทศ

(0) ค่าเงินบาท แกว่งตัวแคบ อยู่ที่บริเวณ 36.15 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดลดลงเล็กน้อย 7 เซนต์ หรือ 0.09% ปิดที่ 80.04 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่ลดลงแรงในระหว่างวันจากข่าวที่ว่าโอเปกหารือเกี่ยวกับการเพิ่มกำลังการผลิต ในขณะที่เช้านี้รีบาวน์ที่ระดับ 80.29 ดอลลาร์/ บาร์เรล 0.31%

(-) ราคาทองคำ COMEX ปิดลดลง 14.8 ดอลลาร์ หรือ 0.84% ปิดที่ 1,739.6 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของดอลลาร์ ในขณะที่เช้านี้รีบาวน์ที่ระดับ 1,742.1 ดอลลาร์/ออนซ์ 0.14%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 906.06 / 1.44

- Advertisement -