Our View? “ยังไหว”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,613 / 1,610 และแนวต้านที่บริเวณ 1,625 / 1,630 คาดตลาดอาจได้รับ Sentiment เชิงบวกจากการที่เมื่อคืนนี้นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) สาขาคลีฟแลนด์ แสดงความคิดเห็น FED สามารถปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่น้อยลง ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป เพื่อฉุดเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลง ควบคู่ไปกับการรักษาการเติบโตของเศรษฐกิจ เรามองการให้สัมภาษณ์ดังกล่าวสะท้อนระดับอัตราดอกเบี้ยของ FED ในปัจจุบันเป็นระดับที่ FED เริ่มสามารถควบคุมทิศทางเงินเฟ้อได้ในระดับหนึ่งแล้ว ขณะที่อัตราเงินเฟ้อสหรัฐ คาดผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แต่อาจจะชะลอตัวอยู่ในระดับสูงไปบ้าง ในระยะเวลาหนึ่ง กดดันทิศทาง Dollar Index อ่อนตัวลงอีกครั้งล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 107.2+/- เป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ตาม เราแนะนำติดตามการรายงานการประชุม FOMC รอบเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ที่จะเปิดเผยในคืนนี้ เพื่อประเมินท่าทีความสามารถในการควบคุมเงินเฟ้อ และการปรับใช้นโยบายทางการเงินของ FED ในระยะถัดไป

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค. พยายามรีบาวด์ขึ้นปิดที่ระดับ 80.95 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.91 ดอลลาร์ (+1.14%) ยังคงได้รับแรงหนุนจากการที่ซาอุดิอาระเบียยืนยันไม่ได้มีการหารือกับ OPEC+ เกี่ยวกับการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันตามที่ The Wall Street Journal รายงาน อย่างไรก็ตาม เราคาดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในจีน คาดยังเป็นปัจจัยลดทอนอุปสงค์น้ำมันของโลกได้อยู่ คาดจะเป็นปัจจัยจำกัด Upside ของราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานได้อยู่

สําหรับปัจจัยในประเทศเรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการที่สภาพัฒน์ฯ รายงานตัวเลข GDP 3Q′65 ออกมา +4.5% YoY เท่ากับที่ตลาดคาด แต่ +1.2% QoQ มากกว่าที่ตลาดคาดไว้ +0.8% QoQ จากการฟื้นตัวของ เศรษฐกิจไทย โดยเครื่องชี้วัดปรับตัวดีขึ้นเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนและการส่งออก บริการที่ปรับตัวดีขึ้น คาดจะส่งผลให้ทั้งปี’65 GDP ของไทยจะสามารถขยายตัวได้ตามเป้าที่ระดับ +3.2% ขณะที่ คาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวในปีนี้ที่ระดับ 10.2 ล้านคน และเพิ่มคาดการณ์นักท่องเที่ยวในปีหน้าสู่ระดับ 23.5 ล้านคน คาดเป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นไทย อีกทั้งเรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการที่กองทุนการเงินระหว่าง ประเทศ (IMF) คาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี’66 จะสามารถเติบโตได้ที่ระดับ 3.7% ใกล้เคียงกับที่ ธปท. คาด และถือเป็น 1 ใน 2 ประเทศในเอเชียที่มีการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ และยังสามารถเติบโตได้ต่อในปีหน้า สอดคล้องกับมุมมองของเราก่อนหน้าที่คาด เศรฐกิจไทยในช่วงปีหน้าคาดจะฟื้นตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยว-บริโภคในประเทศต่อเนื่อง

ขณะที่ในสัปดาห์หน้าแนะนำติดตามการประชุม ครม. คาดอาจมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, CRC, MAKRO และ BJC) ปรับตัวขึ้นได้ต่อ รวมทั้งเรายังชอบหุ้นในกลุ่มโฆษณา (PLANB และ VGI) ที่คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และฟื้นตัวขึ้นโดดเด่นตั้งแต่ช่วง 3Q′65 คาดจะหนุนทิศทางราคาฟื้นตัวกลับขึ้นได้ต่อ

ในส่วนของประเด็นบริษัท ซิทริน โกลบอล จํากัด และ Citrine Venture SG Pte Ltd ได้ประกาศยกเลิกการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ TRUE และ DTAC หลังจากคำเสนอซื้อดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จภายใน 1 ปี ตามกระบวนการควบรวมที่ล่าช้า อย่างไรก็ตาม เรามองการควบรวมดังกล่าวคาดจะยังคงดำเนินการต่อไป แต่อาจจะมีความล่าช้าได้ต่อ ซึ่งจะเป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อทิศทางราคาหุ้น TRUE-DTAC ผันผวนได้บ้างตามความเร็ว-ช้าในการควบคุม ขณะที่เราเชื่อว่ากระบวณการทำ Tender Offer คาดในขั้นตอนสุดท้ายมีโอกาสเกิดขึ้นได้อีกครั้ง แต่ราคาในการทำคำเสนอซื้ออาจมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างจากราคาเดิมของ TRUE ที่ 5.09 และ DTAC 47.76

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้ “BJC”

กลยุทธ์ ทยอยซื้อสะสม แนวรับ 34.00 / 33.00 Target 36.75 / 38.50 Stop <31.75

- Advertisement -