รอบด้านตลาดหุ้น: วันนี้คาดดัชนีรีบาวน์และ Sideways ในกรอบแคบๆ

Market wrap & Outlook

วานนี้ดัชนี Sideways down ผิดคาด หุ้นกดดันตลาด TRUE DTAC จากประเด็นยกเลิกขั้นตอนทำเทนเดอร์ฯ และหุ้นใหญ่อื่นๆ SCC SCGP JMART JMT KCE ส่วนกลุ่มบวกช่วยชีวิตไว้ ได้แก่ DELTA HANA BANPU กลุ่มธนาคาร BBL KBANK KTB BAY และเปิดเมือง AWC BH CPALL BJC

วันนี้คาดดัชนีรีบาวน์และ Sideways ในกรอบแคบๆ เพื่อรอรายงานการประชุมเฟดคืนนี้ ซึ่งคาดหวังว่าจะไม่ได้มีผลกับตลาดในเชิงลบ-บวกมาก ความกังวลสถานการณ์โควิดในจีนที่จะกระทบกับตลาดหุ้น คิดว่าจะไม่เกิดขึ้นนาน (เพราะเคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นแล้ว จนตลาดเริ่มจะชิน) และระหว่างที่ตลาดรอปัจจัยมหภาคใหม่ กลยุทธ์ยังคงเกาะติดกับการเลือกเก็งกำไรหุ้น Domestic play ที่เห็นปัจจัยกระตุ้นที่ชัดเจน โดยเฉพาะกลุ่มคอมเมิร์ช CRC CPN COM7 ที่ได้แรงส่งการใช้จ่ายปลายปี และ CPALL BJC MAKRO จากกระแสบอลโลกที่เริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ

What to watch

รายงานการประชุมเฟด วันพุธนี้ แม้จะส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยด้วยอัตราที่ช้าลง แต่จะไม่ได้เป็นบวกกับตลาดหุ้นมากนักเพราะ เฟดจะยังคงย้ำว่าการจัดการกับปัญหาเงินเฟ้อของธนาคารกลางยังไม่จบ // ส่วนตัวเลขสำคัญที่ตลาดจับตา คือ ทิศทางของรายงาน PCE ที่จะออก 1 ธ.ค. คาดล้อไปกับ CPI ที่ออกมา

ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจีนพุ่งอาจทำให้นักลงทุนบางส่วนเริ่มกังวลเศรษฐกิจจีนจะชะงัก แม้เราจะมองว่าผลกระทบกับตลาดหุ้นจะไม่ยืดยาว แต่ก็ยังต้องติดตามมาตรการต่างๆ ที่จะออกมา

ติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจส่งท้ายปีของภาครัฐฯ เช่น โครการลักษณะ “ช้อปดีมีคืน” และ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5” เป็นต้น

เทศกาลจับจ่ายใช้สอยช่วงส่งท้ายปลายปี โดยเฉพาะ Black Friday ซึ่งปีนี้ตรงกับ 25 พย. จะชี้วัดกำลังซื้อผู้บริโภค และเป็นตัวสะท้อนภาวะเศรษฐกิจโดยรวม บ้านเราหุ้นที่เชื่อมโยง กับ Demand ในการซื้อสินค้า เราคาดว่าจะ เป็นหุ้นพื้นที่เช่าห้าง เสื้อผ้า บัตรกำนัล สินค้าประเภท Discretionary ซึ่ง 2-3 ปีที่ผ่านมาอาจมียอดขายที่ลดลงเพราะโควิด และ การทำงานที่บ้าน แต่เมื่อต้องออกจากบ้านมากขึ้น คาดว่าธุรกิจที่เชื่อมโยงนี้ จะเห็นรายได้ที่เติบโตสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว หุ้นเชื่อมโยง ได้แก่ CRC CPN MC COM7 HANA KCE การซื้อไอเทมเกม และเกมออนไลน์ ลดราคา ช่วง Black Friday: OTO AS YGG

หุ้นแนะนำวันนี้

BJC MAKRO หุ้นคอมเมิร์ชอีกกลุ่มที่รับธีมการใช้จ่ายปลายปี โดยเฉพาะจากกระแสช่วงฟุตบอลโลก

Technical Daily (T)

สแกนหุ้นกราฟสวย….จุดกลับตัวขาขึ้น
แนะนำ ซื้อ
BBL  แนวรับ 142 แนวต้าน 148 และ 150 (Stop loss < 140)
MAKRO  แนวรับ 36-37 แนวต้าน 42 และ 44 (Stop loss < 35)
BANPU  แนวรับ 12.4-12.6 แนวต้าน 13.5 และ 14.0 (Stop loss < 12.2)

Global Investing Brief: Ant Group โดนปรับ $1bn หลังสอบสวนนาน 2 ปี ส่อจัดระเบียบใกล้จบ

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

  • 3 ดัชนีหลักปิดบวกเมื่อคืนนี้ โดยดัชนี DJIA +1.2%, S&P 500 +1.4%, Nasdaq +1.4% นำโดย Apple (AAPL) +1.5%, Microsoft (MSFT) +1.2% หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับลงสู่ระดับ 3.75% จาก 3.82% ในวันก่อนหน้า ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับขึ้นต่อ โดย Exxon Mobil (XOM) +2.9%, Chevron (CVX) +2.6% หลังซาอุดีอาระเบียยืนยันว่าไม่ได้หารือกับสมาชิก OPEC เกี่ยวกับการปรับเพิ่มกำลังการผลิต
  • Best Buy (BBY) +12.7% หลังเผยงบ F3Q66 รายได้หดตัว 11%YoY สู่ $10.6bn กำไรหดตัว 44%YoY สู่ $277mn และยอดขายจากสาขาเดิม (SSS) หดตัว 10.4%YoY แต่ดีกว่าที่ตลาดคาด แม้รายได้ในหลายหมวดหมู่จะหดตัวลง แต่หากเทียบกับปี 62 (ก่อนโควิด) จะถือว่าเพิ่มขึ้น โดยรายได้จากคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้น 23% และรายได้จากเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 37% ส่งผลให้บริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ SSS จากที่คาดว่าจะ หดตัว 11%YoY ในปีบัญชี 66 (ก.พ. 65-ม.ค. 66) เป็นคาดว่าจะหดตัว 10%YoY และบริษัทยังเผยแผนซื้อหุ้นคืนราว $1bn ในปีนี้ ด้าน Bloomberg cons. ให้ TP ที่ $80.11

ตลาดหุ้นฮ่องกง

  • วานนี้ดัชนีฮั่งเส็งปิดลบ 1.3% ปรับลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 สวนทางกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ กดดันจาก Meituan (3690) -8.3%, CSPC Pharma (1093) -4.9% หลังกรุงปักกิ่งประกาศปิดสวนสาธารณะและพิพิธภัณฑ์ เนื่องจากผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ต่อวันเพิ่มขึ้นแตะจุดสูงสุดใหม่ที่ 1,483 ราย เพิ่มขึ้นจาก 962 ในวันอาทิตย์ อีกทั้งยังมีการกำหนดมาตรการอื่นๆ สำหรับผู้ที่เดินทางมายังปักกิ่งเพิ่มเติม สร้างความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
  • Bloomberg รายงานว่า JD.com (9618) ประกาศลดเงินเดือนผู้จัดการกว่า 2,000 คนลงราว 10-20% จากเงินเดือนปัจจุบันที่ได้รับ และนำเงินบางส่วนไปเป็นสวัสดิการให้แก่พนักงาน อีกทั้ง ยังตั้งกองทุนมูลค่า RMB10bn เพื่อช่วยเหลือพนักงาน โดยเรามองว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบาย “เจริญรุ่งเรืองร่วมกัน” ของสี จิ้นผิง ซึ่งอาจช่วยบรรเทาความเสี่ยงต่อการถูกจัดระเบียบ ด้าน Bloomberg Cons. ให้ TP ที่ HKD318.20

ตลาดหุ้นเวียดนาม

  • วานนี้ดัชนี VN ปรับลง 0.9% เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นฮ่องกง กดดันจาก NVL -7%, VCB -2.0%, VRE -0.6% อย่างไรก็ดี วานนี้กระทรวงการคลังเวียดนามมีการจัดประชุมพิเศษร่วมกับ ตลาดหลักทรัพย์และผู้บริหารของบริษัทเอกชน เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางการจัดการปัญหาการออกหุ้นกู้ โดยเรามองว่าอาจมีความคืบหน้าเชิงบวกในการแก้ปัญหาสภาพคล่อง เช่น การเพิ่มโควต้าการเติบโตของสินเชื่อให้แก่ธนาคารพาณิชย์ เป็นโต 16% จากเดิมที่คงไว้ที่โต 14% หรือการแก้ไขเกณฑ์ในการออกหุ้นกู้ เป็นต้น
  • VinFast บริษัทรถ EV ของ VIC จับมือกับบริษัทสัญชาติจีน Gotion High-Tech เพื่อร่วมกันสร้างโรงงานแบตเตอรี่รถ EV มูลค่า $275mn ในจังหวัด Ha Thinh โดยโรงงานดังกล่าวจะสามารถผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมได้ปีละ 30 ล้านหน่วย และคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ใน 3Q66 นอกจากนี้ VinFast ยังเผยว่าได้จับมือกับบริษัทให้เช่ารถยนต์ในสหรัฐฯ Autonomy เพื่อจัดหารถยนต์ 2,500 คัน นับเป็นคำสั่งซื้อของ VinFast ที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ที่ก่อตั้งบริษัทมาจนถึงปัจจุบัน ด้าน Bloomberg Cons. ให้ TP VIC ที่ VND99,700

Highlight

Ant Group ของ Alibaba (9988) เตรียมโดนธนาคารกลางจีน (PBOC) ปรับมูลค่า $1bn หลังจากที่สอบสวนมายาวนานราว 2 ปี แต่จะมีการเข้าหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และอาจได้ข้อสรุปในช่วง 2Q66 อย่างไรก็ดี เรามองเป็นผลกระทบจำกัดต่อบริษัทแม่ Alibaba หลังมูลค่าที่ปรับคิดเป็นเพียง 0.8% ของรายได้ปีบัญชี 65 (เม.ย. 64 – มี.ค. 65) อีกทั้งเรามองว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจเป็นจุดสิ้นสุดของการจัดระเบียบ และอาจทำให้ Ant Group มีแนวโน้มที่จะเข้าระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหุ้นได้อีกครั้ง

Global ETFs Model Portfolio – ปรับหุ้นชิปเอเชียเข้า ถอดสาธารณูปโภคและลดน้ำหนักหุ้นจีน

ทบทวนผลตอบแทนพอร์ต

  • Global ETFs Model Portfolio สร้างผลตอบแทนในสกุลเงินบาทตั้งแต่รายงานล่าสุดเมื่อ 27 ก.ย. 65 ติดลบ 3.9% สวนทางดัชนีอ้างอิงที่บวก 4.5% และดัชนี SET ที่บวก 0.8% ปัจจัยหลักจากหุ้นเวียดนามที่มีน้ำหนักถึง 20% ของพอร์ตปรับลงแรงในช่วงเดือนที่มาผ่านจากประเด็นหุ้นกู้ภาคอสังหาฯ และข่าวลือที่เวียดนามถูกถอดจาก WFE อย่างไรก็ดี เรามองว่าสถานการณ์เริ่มคลี่คลายหลังรัฐบาลเวียดนามมีมติให้จัดตั้งคณะทำงานพิเศษเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาการจำกัดสินเชื่อและความเข้มงวดในการออกหุ้นกู้ของบริษัทอสังหาฯ อีกทั้งผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์เวียดนามได้ยืนยันกับเราว่าตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ยังอยู่ใน WFE และอยู่ระหว่างเปลี่ยนผ่านจากตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์เป็นตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม (VNX)
  • ETF ที่สร้างผลตอบแทนมากที่สุดตั้งแต่ปรับเข้าพอร์ต คือ VOO ที่อิงดัชนี S&P 500 บวก 71.2% ตามด้วย IXJ ที่อิงหุ้นกลุ่ม Healthcare ทั่วโลก บวก 46.3% และ E1VFVN30 ที่อิงดัชนี VN 30 บวก 19.3%

เพิ่ม “Global X Asia Semiconductor ETF (3119)”

  • เราปรับ 3119 เข้า โดยเป็น ETF อ้างอิงหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ในภูมิภาคเอเชีย หลัง Morgan Stanley (MS) เผยว่าวัฏจักรขาลงของยอดขายชิปจะใช้เวลาราว 4-6 ไตรมาส ซึ่งปัจจุบันยอดขายชิปได้ปรับตัวลงมาแล้ว 5 ไตรมาสติดต่อกัน จากความต้องใช้อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ชะลอตัวลง แต่ MS คาดจะพบจุดต่ำสุดใน 4Q65 และจะกลับมาโตเด่นราว 7-12%YoY ใน 2H66 หนุนจากความต้องการใช้ชิปในรถยนต์ไฟฟ้า สมาร์ทโฟน 5G เป็นต้น ขณะที่ ETF ประกอบด้วยผู้รับจ้างผลิตชิปชั้นนำของโลก ได้แก่ TSMC, Samsung, UMC และ SMIC (น้ำหนักรวมกัน 26% ใน ETF) ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดรวมกัน 82% ซึ่งเรามองว่าจะมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ก่อนกลุ่มผู้ออกแบบชิป เนื่องจากเป็นกลุ่มต้นน้ำของอุตสาหกรรม
  • หากนับจากต้นปี ETF ปรับตัวลงมาราว 36% มากกว่าดัชนี MSCI All Country Asia Pacific ที่ลงมา 22% ส่งผลให้มูลค่าปรับลงสู่ระดับที่น่าสนใจมากขึ้น โดย P/E 12 เดือนข้างหน้าของกลุ่มชิปเอเชีย อยู่ที่ 13.5 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 14.6 เท่า เกือบ 1 S.D.

ถอด “Utilities Select Sector SPDR Fund (XLU)”และลดน้ำหนัก “ChinaAMC CSI 300 Index ETF (3188)”

  • เราปรับ XLU ออก หลัง ETF ไม่ได้เคลื่อนไหวตามที่ประเมินไว้ และภาพรวมรายได้ของหุ้นสาธารณูปโภคสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลง 8%YoY ใน 4Q65 อ้างอิงจากคาดการณ์โดย Bloomberg cons. หลังเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง (ดัชนี CPI เดือน ต.ค. 65 โต 7.7%YoY) ทำให้ค่าบริการสาธารณูปโภคปรับตัวขึ้น ซึ่งส่งผลให้ผู้บริโภคสหรัฐฯ ประสบปัญหาในการชำระค่าบริการ โดยในเดือน ต.ค. 65 มีกว่า 17% ของครัวเรือนสหรัฐฯ ที่กำลังเป็นหนี้ค่าสาธารณูปโภค มูลค่ารวมกว่า $16bn ซึ่งเรามองว่าจะมีแนวโน้มกระทบต่อกำไรของบริษัทสาธารณูปโภคในปี 66
  • เราลดน้ำหนัก 3188 จาก 15% เหลือ 10% เพื่อลดการกระจุกตัวของพอร์ตที่ลงทุนในหุ้นจีนจาก 25% เป็น 20% อีกทั้ง ETF ได้ปรับตัวขึ้น 9.4% ใน 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เราจึงมองเป็นจังหวะที่จะปรับพอร์ตให้สมดุลมากขึ้น เนื่องจากมองว่าตลาดหุ้นจีนจะเคลื่อนไหวผันผวนสูงในระยะสั้น หลังรัฐบาลยังใช้นโยบาย Zero-COVID ต่อเนื่อง และยังไม่ได้เผยแนวทางการยกเลิกอย่างชัดเจน อย่างไรก็ดี เรายังมีมุมมองบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนในปี 66 จากแนวโน้มการคลายนโยบาย Zero-COVID ในช่วง 1Q66 จึงยังคงน้ำหนักหุ้นจีนไว้ที่ 1 ใน 5 ของพอร์ต
- Advertisement -