บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action BUY (Maintain)

TP upside (downside) +52.5%

Close Dec 27, 2022 Price (THB) 4.72

12M Target (THB) 7.20

Previous Target (THB) 7.20

What’s new?

  • คาดกำไรปกติ 4Q65 ของ TEGH ที่ 203 ลบ. (-4.5%QoQ, +58.9%YoY) ทรงตัว QoQ แม้เป็นช่วง Low Season ของธุรกิจยางพารา แต่ชดเชยด้วยธุรกิจ CPO ที่คาดพลิกกลับมามีกำไร
  • กำไรปกติ 2566 คาดทำระดับสูงสุดใหม่ได้ต่อเป็น 892 ลบ. (+10.8%YoY) จากการเติบโตของทั้งธุรกิจยางพารา และธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ ขณะที่ธุรกิจพลังงานทดแทนจะเริ่มเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น และช่วยลดต้นทุนค่าไฟภายในบริษัทอีกราว 50 ลบ./ปี

Our view

  • เรามีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการระยะยาวของ TEGH ที่คาดจะทำ New High ได้ต่อเนื่อง จากการรับรู้กำลังการผลิตใหม่ การมีจุดเด่นของสินค้าแตกต่างจากคู่แข่ง และยังมี Upside จากทางขาย Carbon Credit
  • ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER66 เพียง 5.7 เท่า และยังต่ำกว่าราคา IPO ที่ 4.80 และคาดหวังเงินปันผลได้ราว 5% ต่อปี จึงมองว่าราคาหุ้นมี Downside risk จํากัด เราคงราคาเป้าหมายที่ 7.20 บาท และคงคำแนะนำ “ซื้อ”

THAI EASTERN GROUP HOLDINGS ได้ยางพรีเมียมในราคา Discount

คาดกำไรปกติ 4Q65 เติบโตเด่น YoY

เราคาดกำไรปกติ 4Q65 ของ TEGH ที่ 203 ลบ. (-4.5%QoQ, +58.9%YoY) ทรงตัว QoQ ได้แม้จะเป็นช่วง Low Season ของธุรกิจยางธรรมชาติ (NR) ทำให้ปริมาณขายคาดชะลอลงราว 5% QoQ เนื่องจากเป็นช่วงปลายปี ทำให้ลูกค้ามีการชะลอคำสั่งซื้อ และราคาขายเฉลี่ยปรับลงตามราคายางในตลาดโลก แต่คาดจะชดเชยได้ด้วยธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ที่คาดจะพลิกกลับมามีกำไรจากการกลับมาเดินเครื่องจักรตามปกติหลังมีการปิดซ่อมบำรุง, ประสิทธิภาพการผลิตสูงขึ้น หลังติดตั้งอุปกรณ์แก้ปัญหาคอขวด และอัตราการสกัดน้ำมันปาล์มที่ดีขึ้นหลังปัญหาสต๊อกปาล์มคงค้างคลี่คลายลง ซึ่งหากเป็นไปตามที่เราคาด จะทำให้กำไรทั้งปีของบริษัทสูงกว่าประมาณการรองเรา 4.4%

ปี 2566 รับรู้กำลังการผลิตใหม่เต็มปี … มีปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศของจีน

เราคาดกำไรปกติปี 2566 จะเติบโตทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 892 ลบ. (+10.8%YoY) จาก 1) ธุรกิจ NR จะรับรู้กำลังการผลิตเครื่องจักรยางแห่งใหม่ได้เต็มปี และอัตราการใช้กำลังการผลิตจะสูงขึ้น หนุนด้วยปริมาณคำสั่งซื้อของลูกค้าล้อยางที่เติบโต และราคาขายเฉลี่ยบางแห่งที่คาดจะปรับเป็นแนวโน้มขาขึ้น หลังจีน (ผู้นำเข้ายางพารามากที่สุดของโลก) ประกาศเปิดประเทศตั้งแฝ 8 ม.ค. 2566 เป็นต้นไป หนุนราคาขายเฉลี่ย 2) ธุรกิจ CPO คาดพลิกกลับมามีกำไรได้ หลังจากบริษัทติดตั้งเครื่องจักรใหม่, ลดปัญหาคอขวดในการผลิต และบริหารการรับซื้อทะลายปาล์มดีขึ้น และ 3) ธุรกิจพลังงานทดแทน บริษัทมีแผนขยายการผลิต Biogas และการบริหารกากอินทรีย์มากขึ้น แม้เราประเมินว่ากำไรธุรกิจนี้จะยังไม่นัยยะต่อกำไรปี 2566 แต่จะสามารถผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ภายในบริษัท และลดต้นทุนค่าไฟฟ้าของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 80-90% ของค่าไฟฟ้าทั้งหมด จากปัจจุบันที่ราว 50% หรือคิดเป็นราว 50 ลบ./ปี

มี ESG และ Carbon Credit เป็น Upside

นอกจากนี้ ธุรกิจพลังงานทดแทนของบริษัทและบริหารการอินทรีย์จะช่วยให้บริษัทสามารถบริหารจัดการของเสียภายใน, เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนด้านพลังงาน และลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งนอกจากทำให้เป็นที่ยอมรับต่อลูกค้าล้อยางชั้นนำที่มีความต้องการวัตถุดิบยั่งยืนมากขึ้น ยังทำให้เราคาดบริษัทจะมี Carbon Credit ราว 3 แสนตันคาร์บอนในปี 2567 ซึ่งปัจจุบันมีราคาขายเฉลี่ยในประเทศราว 75 บาท/ตัน และยังมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อ ซึ่งจะเป็น Upside ในระยะยาวของบริษัท

ฐานะการเงินแข็งแกร่ง ยังมีโอกาสเติบโตแบบ Inorganic … คงคำแนะนำ”ซื้อ”

เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตในระยะยาวของ TECH ราคาเป้าหมาย 7.20 บาท และคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER66 เพียง 5.7 เท่า และยังต่ำกว่าราคา IPO ที่ 4.80 บาท และยังคาดหวังผลตอบแทนเงินปันผลได้ที่ระดับ 5% ต่อปี ทำให้ราคาหุ้นมี Downside risk จํากัด

นอกจากนี้บริษัทมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง, มี Cash conversion cycles และต้นทุนทางการเงินที่ต่ำกว่าคู่แข่ง ทำให้ยังมีความสามารถในการเติบโตผ่านการกู้ยืม หรือการเติบโตแบบ inorganic ได้ โดยคาดจะเห็นความชัดเจนอย่างน้อย 1 ดีลในปี 2566 เป็น Upside

- Advertisement -