บล.ไอร่า: 

Our View? “คาดหวังการ Outperform”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,610 / 1,600 และแนวต้านที่บริเวณ 1,620 / 1,625 เมื่อคืนนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ออกมาอยู่ที่ระดับ 2.11 แสนราย มากกว่าที่ตลาดคาดไว้ราว 1.95 แสนราย ถือเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 10 สัปดาห์ บ่งชี้ความแข็งแกร่งของตลาดแรงสหรัฐเริ่มชะลอตัวลงบ้าง อย่างไรก็ตาม คาดวันนี้ตลาดจะให้ความสนใจไปกับการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือน ก.พ. (Nonfarm Payroll) คาดจะออกมาที่ระดับ 2.25 แสนราย ชะลอตัวลงบ้างหลังปรับตัวขึ้นแรงในช่วงเดือน ม.ค. ที่ระดับ 5.17 แสนราย ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ใช้เป็นหนึ่งในเครื่องมือพิจารณาถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม FOMC เดือน มี.ค. นี้ อย่างไรก็ดี เรามองตลาดรับรู้ประเด็นดังกล่าวไปบ้างพอสมควรแล้ว โดย CME FED Watch Tools คาดการณ์ FED จะขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.50% ในเดือน มี.ค. ที่ระดับราว 60.0%+/- จากช่วงต้นสัปดาห์ที่ระดับ 70-80.0%+/- ขณะที่ Dollar Index เริ่มชะลอกำลังลงล่าสุดอยู่ที่ระดับ 105.2+/- รวมทั้งอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US Bond Yield) ปรับตัวลงแล้ว โดยรุ่นอายุ 2 ปี กลับมาต่ำกว่า 5.00% และรุ่นอายุ 10 ปี ไม่สามารถยืนเหนือระดับ 4.00% ได้ สะท้อนถึงคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยระยะยาวเริ่มเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้ว มองจะส่งผลให้ Downside ของทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงลดลงด้วยเช่นกัน ทั้งนี้สัปดาห์หน้าแนะน่าติดตามการรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน ก.พ. ของสหรัฐคาดจะออกมา +6.00% YoY +0.40% MoM และ +5.40% YoY +0.30% MoM ตามลำดับ ชะลอตัวลงจากเดือน ม.ค. อาจผ่อนคลายความกังวลในการเร่งการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ได้บ้างเล็กน้อย

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน เม.ย. เมื่อคืนนี้ยังคงอ่อนตัวลงปิดที่ระดับ 75.72 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.94 ดอลลาร์ (-1.23%) ยังคงได้รับความกังวลแนวโน้ม FED ขึ้นดอกเบี้ยแรงกว่าที่น้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานอ่อนตัวลงถ่วงตลาดได้ต่อ

ตลาดคาดอาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงลดทอนอุปสงค์น้ำมันในระยะถัดไป คาดจะกดดันทิศทางราคาสําหรับปัจจัยในประเทศยังคงต้องติดตามแรงขายของนักลงทุนต่างชาติอย่างไกลชิด หลังจากที่ค่าเงินบาทเริ่มพลิกกลับมาอ่อนค่าอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เราคาดหวังว่าค่าเงินบาทจะไม่น่ากลับมายืนเหนือระดับ 35.2 บาท/ดอลลาร์สหรัฐได้  ซึ่งจะส่งผลให้แรงขายของนักลงทุนต่างชาติจะเริ่มลดลงในระยะถัดไปจากการเริ่มเห็นกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดตราสารหนี้ของไทย รวมทั้งเราเริ่มเห็นการกลับมาปรับขึ้นคาดการณ์ EPS ของตลาดหุ้นไทยในปี’66 จากก่อนหน้าที่มีการปรับลดคาดการณ์กำไรของตลาดลงอยู่เพียง 90.0 บาท +/- เริ่มเร่งขึ้นกลับไปที่ระดับ 104.0 บาท +/- คาดเป็นสัญญาณถึงแนวโน้มโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติจะเริ่มชะลอการขาย-กลับเข้าซื้อใหม่อีกครั้งในระยะถัดไป  ขณะที่ให้ติดตามการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหญ่ของไทย คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นไทยได้ โดยเรายังคงแนะนำทยอยซื้อสะสมหุ้นในบางกลุ่มที่ถึงแม้ผลประกอบการออกมาแย่กว่าคาด แต่มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้ต่อในปีนี้ อาทิ 1.) หุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (GPSC, BGRIM และ GULF) 2). หุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, BBL และ SCB) 3.) กลุ่มปิโตรเคมี (SCC, PTTGC, SCGP และ IVL) และ 4). หุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, MAKRO และ BJC) เรามองราคาปรับตัวลงมากบ้างแล้วในระดับหนึ่ง ขณะที่คาดการณ์ผลประกอบการจะสามารถฟื้นตัวขึ้นได้ตั้งแต่ช่วง 1Q′66 คาดจะช่วยหนุนทิศทางราคาฟื้นตัวกลับขึ้นได้

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “CPALL”

กลยุทธ์ ทยอยซื้อสะสม แนวรับ 62.50 / 61.50 Target 65.00 / 67.00 stop <60.75

- Advertisement -