Daily Focus: Maintain Domestic Play

2023SET Target: 1750

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่ง Sideways Up ได้แข็งแรงกว่าที่ประเมิน ปิดบวกได้ อีก 8.57 จุด ณ สิ้นวัน อย่างไรก็ตาม มูลค่าการซื้อขายไม่ได้หนาแน่นนักที่ 4.9 หมื่นลบ. กลุ่มที่นำตลาด ได้แก่ ท่องเที่ยว ไฟแนนซ์ โรงไฟฟ้า สถาบันในประเทศยังซื้อสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องอีก 1.6 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ (และวันที่ 3 ในรอบ 38 วันทำการ) ราว 1 พันลบ. (และ Long Index Futures เร่งขึ้นสูงขึ้น 2.4 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,585-1,600 จุด หลังปรับตัวขึ้นได้แข็งแรงต่อเนื่องในช่วง 3 วันก่อนหน้า โดยรวมตลาดวันนี้ไม่มีปัจจัยใหม่ที่ชัดเจนเข้ามาหนุน ตลาดยังตอบรับผสมผสานต่อผลการประชุม FED ที่แม้ระยะสั้นจะมีความคาดหวังเชิงบวกต่ออัตราดอกเบี้ยที่ใกล้ถึงจุด Peak แต่ปัจจัยที่ตลาดคาดว่าจะ Concern มากขึ้นในระยะถัดไปคือทิศทางเศรษฐกิจที่จะชะลอตัวลงจากทั้งปัญหาจากภาคธนาคารที่เกิดขึ้น ทำให้ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อระยะถัดไปคาดว่าจะสูงขึ้น รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่ยืนในระดับสูง ขณะที่ภาพรวมปัจจัยในประเทศยังดูมีแรงหนุนมากกว่าจากทั้งการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น รวมถึงแรงขายของต่างชาติที่เริ่มเห็นสัญญาณที่ชะลอลงค่อนข้างชัด โดยเฉพาะในตลาด Futures เรามองการปรับฐานของดัชนีเข้าหาแนวรับ 1,550+- จุดหรือต่ำกว่า ยังเป็นระดับที่น่าสนใจในการทยอยสะสมหุ้นพื้นฐาน ยังคงเน้นหุ้น Domestic/Reopening Play มากกว่า Global Play โดยยังเน้นกลุ่มค้าปลีก ท่องเที่ยว การแพทย์ อาหารเครื่องดื่ม โรงไฟฟ้า

กลยุทธ์ : ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มในช่วงปรับฐาน ยังเน้นหุ้น Domestic Play

หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : ASW, BEYOND, CPN, M, NSL

หุ้นเด่นวันนี้ : BEYOND

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 24 บาท
  • โมเมนตัมกำไร 1Q23 คาดว่าจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ หนุน RevPar ของ 2 โรงแรมหรู ทั้ง Four Seasons Hotel Bangkok และ Capella Bangkok ปรับตัวขึ้น
  • เราคาดผลการดำเนินงานปี 2023 พลิกมีกำไร 78 ลบ.และเร่งตัวเป็น 256 ลบ.ในปี 2024 ราคาหุ้นเทรด 2024PER เพียง 18 เท่า เที่ยบกับกลุ่มที่ราว 30 เท่า และยังเทรดต่ำ BV ในขณะที่กลุ่มเทรดที่ 2-4 เท่า
  • แนวรับ 13.70-14 บาท แนวต้าน 15//16 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่นต่อเนื่องอีก US$800 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$514 ล้าน และ US$249 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนเม็ดเงินเริ่มพลิกมาไหลเข้าอ่อนๆ นำโดยไทย US$30 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังมีโอกาสไหลเข้า Emerging Market ต่อเนื่องจากทิศทางเศรษฐกิจที่ดูมีเสถียรภาพมากกว่า

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) BoE ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามคาด โดยปรับขึ้นอีก 0.25% จาก 4% สู่ระดับ 4.25% เพื่อที่จะดึงเงินเฟ้อที่ยังสูงให้ปรับตัวลง หลังล่าสุดตัวเลขเดือน ก.พ. Headline CPI +1.1% m-m, +10.4% y-y Core CPI +1.2% m-m, +6.2% y-y ยัง เร่งตัวและสูงกว่าคาด โดยรวมอัตราดอกเบี้ยในฝั่งยุโรปทั้ง BoE และ ECB ยังมีแนวโน้มขยับขึ้นต่อ ส่วนฝั่งของ FED หลังประชุมเมื่อวันก่อน Dot Plot สะท้อนว่ามีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 5-5.25% ภาพรวมจึงทำให้ Bond Yield ปรับตัวลงจากอัตราดอกเบี้ย FED ที่ใกล้พีค และเริ่ม Concern กับทิศทางเศรษฐกิจที่จะชะลอ โดยเฉพาะ ใน 2H23 มากขึ้น คาดตลาดหุ้น EM โดยเฉพาะเอเชียจะดูน่าสนใจมากกว่าและมีโอกาสที่กระแสเงินทุนจะไหลเข้าหา

(+) IPO ใหม่ MGC เป็นตัวแทนจำหน่ายยานยนต์ Rolls-Royce BMW MINI บิ๊กไบค์ และมารีน พร้อมกับธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เช่น ศูนย์บริการ บริการเช่ารถยนต์ สินเชื่อและประกัน จุดเด่นของบริษัทคือการสร้าง Ecosystem และ Synergy ในแต่ละธุรกิจ เราประเมินกำไรปี 2023 เติบโตแข็งแกร่ง +21% y-y ในปี 2023 หนุนจากยอดขายรถยนต์ในประเทศที่คาดฟื้นตัวได้ +3.6% y-y รวมถึงการเริ่มธุรกิจใหม่ๆ เช่น ตัวแทนจำหน่ายเรือแม่น้ำ ธุรกิจสินเชื่อ รวมไปถึงการขยายสาขาตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการ ประเมินราคาเป้าหมาย 10.70 บาท อิง PER 17 เท่า (FA: บล.ฟินันซ่า จำกัด)

 

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 75.14 จุด หรือ +0.23% ปิดที่ 32,105.25 จุด หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวว่าจะใช้มาตรการเพื่อปกป้องเงินฝากของประชาชน

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลง นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตาม FED ซึ่งตลาดกังวลว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานเดือนก.พ.ญี่ปุ่นปรับตัวลงตามตลาดคาดเป็น 3.1% จาก 4.2% ในเดือนม.ค.

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 34.07 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 94 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 69.96 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลด้าน supply จะสูงขึ้นจากกระทรวงพลังงานสหรัฐยังคงเดินหน้าแผนการระบายน้ำมันออกจากคลังสำรอง SPR ในขณะที่เช้านี้ย่อตัวลงต่อที่ระดับ 69.39 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.81%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 46.70 ดอลลาร์ หรือ 2.37% ปิดที่ 2,013.30 ดอลลาร์/ออนซ์ จากความคาดหวังว่า FED ใกล้จะยุติการดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวด ในขณะที่เช้านี้ปรับตัวขึ้นต่อที่ระดับ 2,013.6 ดอลลาร์/ออนซ์ +0.01%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 925.42 / +2.31

- Advertisement -