บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

Power Sector – ปัจจัยบวกอยู่ไกลออกไป; D/G to Neutral

Event

ปรับลดน้ำหนักหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า และอัพเดตแนวโน้มของกลุ่ม

Impact

กลยุทธ์ – ผู้เล่นรายใหญ่จะเป็นตัวนำตลาดในปี 2566

เราเปลี่ยนมามองลบกับแนวโน้มของกลุ่ม เนื่องจากพบว่ามีสามปัจจัยลบซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าสองปัจจัยบวก โดยในปีนี้เรายังคงชอบโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่มากกว่าจากแนวโน้มการเติบโตที่เหนือกว่า มีความชำนาญในหลายด้าน เครือข่ายธุรกิจที่กว้างขวาง งบดุลที่แข็งแกรง และเครดิตเรตติ้งที่สูงกว่า ทั้งนี้ ผู้เล่นที่เข้าเกณฑ์ของเรานำโดย GULF* (หุ้นเด่นของเราในกลุ่มนี้) รองลงมาคือ BGRIM* และ GPSC*

สามปัจจัยลบมีน้ำหนักมากกว่าสองปัจจัยบวก

#1 ความหวังที่บางเบา การออกแผน PDPs ฉบับใหม่ของไทยและเวียดนามน่าจะถูกเลื่อนจากปัจจัยความไม่แน่นอนต่างๆ โดยในส่วนของไทย PDP น่าจะเป็นฉบับปรับปรุงมากกว่าจะเป็นฉบับใหม่ เนื่องจากกำลังจะมีการจัดการเลือกตั้ง ในขณะเดียวกัน เวียดนามยังคงเผชิญกับปัญหาเสถียรภาพทางการเมือง โดยในปี 2566 ไทยน่าจะขึ้นค่า Ft จนสุดแล้วและกำลังเป็นขาลง ในขณะที่ราคาพลังงานอยู่ในขาลงเช่นกัน

#2 สภาวะการแข่งขันที่สูง & วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น ในเป็นยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานสีเขียวมากขึ้น  บริษัทน้ำมันและก๊าซต่างเข้ามามีบทบาทในการเข้ามาร่วมกับกระแสตรงนี้ด้วย ซึ่งทำให้การแข่งขันเข้มข้นมากขึ้น นอกจากนี้ วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นที่ดำเนินต่อเนื่องตลอดปี 2566 ซึ่งจะทำให้หาดีลใหม่ๆ ที่มี IRRs น่าสนใจเหมือนในอดีตหาได้ยาก

#3 คาดเห็นการปรับลดกำไรของตลาด จากความล่าช้าในการปิดดีล, ค่า Ft ที่จะพลิกมาลดลง, การขายการ ลงทุน, และผลการดำเนินงานของบางโครงการอ่อนแอลง เรามองว่าโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPPs) ยังมี downside อีก และรวมไปถึง RATCH*, EGCO*, BPP*, และ CKP*

ทั้งนี้สองปัจจัยบวกที่ราคาหุ้นน่าจะสะท้อนไประดับหนึ่งแล้ว ได้แก่ i) กำไรของกลุ่มฯ ที่คาดว่าจะดีขึ้นในปี 2566 นำโดย GULF, GPSC, RATCH และ BGRIM ซึ่งคาดว่ากำไรจะออกมาน่าประทับใจจากโครงการที่อยู่ใน pipeline และ margin ที่ดีขึ้น โดยเราคาดว่าผลประกอบการของ GPSC และ BGRIM น่าจะดีดตัวขึ้นได้แรงมากจากฐานที่ต่ำ และ ii) ปัจจัยภายนอกส่งผลดีต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า ได้แก่ ราคาน้ำมัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตร และอัตราแลกเปลี่ยน USS/THB

Valuation and action

เราปรับลดน้ำหนักหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าจาก Overweight เป็น Neutral ซึ่งหลังจากที่ราคาหุ้นร่วงลงมายกแผง ทำให้ risk/reward ของหุ้นกลุ่มนี้ดูน่าสนใจมากขึ้น แม้ว่าภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมดูเป็นบวกน้อยลง โดยเราเลือก GULF เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มนี้ เพราะนอกจากจะมีแนวโน้มเติบโตอย่างราบรื่นแล้ว กลยุทธ์ของบริษัทที่มุ่งกระจายธุรกิจ โดยมีเครือข่ายที่แข็งแกร่ง และศักยภาพสูงทำให้ GULF ดูน่าสนใจมากกว่า และแตกต่างจากหุ้นอี่นในกลุ่ม

Risks

ปิดซ่อมบำรุงนอกแผน, cost overruns, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย

- Advertisement -