บล.ฟิลลิป:

ITC: 1Q66 กำไรอ่อนตัว กระทบระยะสั้น

IAA Consensus TP’66:33.0 – 40.2

1Q66 กำไร 425 ลบ. -54.0%y-y ลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อ เพราะระดับสต๊อกสินค้าอยู่ในระดับสูง, GPM ลดลงจากต้นทุนที่สูงขึ้น, 2Q66 เริ่มเห็นการสั่งซื้อสินค้าพรีเมียมกลับมา มองว่าภาวะสินค้าส่วนเกินของลูกค้าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ปัญหาหลักเกิดจากลูกค้าเร่งสต๊อกสินค้ามากเกินไปใน 3Q65 ไม่ได้เกิดจาก Demand ที่ลดลง, ผลกระทบจากไตรมาส 1 ทำให้บริษัทปรับลดคาดการณ์ทั้งปี 66 รายได้ทรงตัวเท่ากับปีก่อน, ปัจจุบันซื้อขายที่ PE 13.8 เท่า ต่ำสุด ตั้งแต่เข้าตลาดมา

  • กำไรอ่อนตัว: 1Q66 กำไร 425 ลบ. -54.0%y-y ผลมาจากลูกค้าชะลอคําสั่งซื้อ ระดับสต๊อกสินค้าของลูกค้ายังคงอยู่ในระดับสูง, GPM ลดลง y-y และ q-q อยู่ที่ 17.4% จาก 1.) ต้นทุนทูน่า ค่าแรง ค่าน้ำค่าไฟ ที่สูงขึ้น 2.) ปริมาณการผลิตที่ลดลงทำให้ต้นทุนคงที่/หน่วย เพิ่มขึ้น 3.) สัดส่วนการขายสินค้าพรีเมียมลดลง
  • คาด 2Q66 เห็นคําสั่งซื้อ: โดยลักษณะธุรกิจปริมาณการขายจะเพิ่มขึ้นตาม seasonal ตั้งแต่ 1Q ไปจนถึง 3Q, จากคำสั่งซื้อสินค้าพรีเมียมเริ่มกลับมา มองว่าภาวะสินค้าส่วนเกินของลูกค้าได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว, คาดว่า 2Q66 ITC จะมีการผลิตได้มากกว่า 1Q66 ซึ่งช่วยให้ต้นทุนคงที่/หน่วย ลดลง
  • ราคาทูน่าสูงขึ้น: จากต้นทุนทูน่าใน 1Q66 สูงขึ้นทั้ง y-y และ q-q จะถูกนำมาใช้ผลิตเป็นสินค้าที่ขายใน 2Q66 ขณะที่ราคาขายไม่สามารถเพิ่มได้ทันที, คาดทำให้ GPM ลดลงทั้ง y-y และ q-q, ทางฝ่ายฯ มองว่าผลกระทบจากราคาวัตถุดิบมีผลมากกว่าด้านปริมาณ (ในบุลเลตที่สอง)
  • ผลกระทบระยะสั้น: ปี 66 บริษัทปรับคาดการณ์รายได้ทรงตัวเท่ากับปีก่อน, GPM ลดลง y-y, SG&A เพิ่มขึ้น y-y จากค่าใช้จ่ายในการขยายกิจการ, มองว่า ITC มีโอกาสเร่งปริมาณการขายได้มากขึ้นใน 2H66 เนื่องจากปัญหาหลักเกิดจากลูกค้าเร่งสั่งของเยอะจนเกินไปใน 3Q65 ไม่ได้เกิดจากการบริโภคอาหารสัตว์ที่ลดลง ลูกค้ารายใหญ่ของ ITC ยังมีผลประกอบการที่ดีอยู่และมองว่ายังเติบโตต่อในปีนี้ ผลกระทบเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว อีกทั้ง 2H66 มีหลายโปรเจคที่ขยายไปในจีน สหรัฐ ฝรั่งเศสและญี่ปุ่น, ปัจจุบัน PE 13.8 เท่า ต่ำสุดตั้งแต่เข้าตลาดมา
- Advertisement -