Daily Focus: Selective Play 

2023SET Target : 1620

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ฟื้นตัวขึ้นตามตลาดหุ้นภูมิภาค ปิดบวก 9.80 จุด ตอบรับร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ ที่ผ่านการลงมติจากสภาสหรัฐฯ ได้สำเร็จ ทำให้ไม่ผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรกเป็นประวัติศาสตร์ ขณะที่กลุ่มพลังงานหนุนตลาดตามราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัว สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นบางๆ 80 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 19 วันทำการที่ 602 ลบ. (และ Long Index Futures เกือบ 3 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways Up กรอบ 1,520-1,545 จุด กลุ่มน้ำมันต้น-กลางน้ำคาดยังช่วยหนุนตลาดได้อีกเล็กน้อย หลังการประชุม OPEC+ ซาอุฯ ลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมอีก 1 ล้านบาร์เรล หนุนราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวได้ต่อเนื่องในระยะสั้น ขณะที่ประเด็นการขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ ที่คลี่คลายตลาดตอบรับไปแล้วตั้งแต่วันศุกร์ ตัวเลขเศรษฐกิจภาคแรงงานสหรัฐฯ โดยรวมยังแข็งแรง แต่เริ่มเห็นสัญญาณแผ่วในภาคบริการหลัง ISM Services PMI ลดลงเหลือ 50.3 พ.ค. แม้จะยังอยู่ในช่วยขยายตัว แต่แผ่วจากเดือนก่อนที่ 51.9 และต่ำกว่าคาดที่ 52.2 ส่วนโฟกัสของตลาดตอนนี้คือการประชุม FED สัปดาห์หน้าว่าจะคงดอกเบี้ยที่ 5-5.25% หรือไม่ ขณะที่ US CPI จะประกาศสัปดาห์ก่อนการประชุมเช่นกัน ส่วนปัจจัยในประเทศโฟกัสยังคงอยู่ที่พัฒนาการการจัดตั้งรัฐบาลและนโยบายเศรษฐกิจที่จะออกมาในระยะถัดไป ทำให้หุ้นที่มีความเสี่ยงถูกกระทบจากนโยบายรัฐบาลใหม่จะยังถูกกดดันและปรับขึ้นได้จำกัด เรามองระยะสั้น Upside ของสินทรัพย์เสี่ยงยังไม่กว้างจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลก 2H23 ที่มีแนวโน้มชะลอชัดขึ้น ขณะที่เงินเฟ้อและดอกเบี้ยจะยังอยู่ในระดับสูงกว่าปกติอีกระยะหนึ่ง ทำให้ภาคการส่งออกคาดว่ายังไม่สดใส เราจึงยังคงเน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic มากกว่า Global Play โดยเลือกหุ้นที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากนโยบายรัฐบาลใหม่จำกัด

กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกและเสี่ยงกระทบจากนโยบายรัฐบาลใหม่จำกัด// ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มที่ฐาน 1,500+- จุด

หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : BDMS, CPN, MAKRO, MINT, ORI

หุ้นเด่นวันนี้ : NSL

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 26 บาท
  • คาดกำไร 2Q23 มีลุ้นทำ New High ที่ 82 ลบ. +9% q-q, +2% y-y หนุนจากรายได้ที่คาดเติบโตดีตาม SSSG ของ 7-11 จาก High Season และมีการออกสินค้าใหม่เข้าขายใน 7-11 รวมถึงรับรู้รายได้จาก Bake a Wish เต็มไตรมาส รวมถึงปรับเพิ่มราคาขายสินค้าหลัก 7% ช่วยชดเชยต้นทุนชีสที่เพิ่มได้และทำให้ Gross Margin ยังทรงตัวสูง
  • ประเด็นขึ้นค่าแรง หากพิจารณาเฉพาะพนักงานที่ได้รับค่าแรงขั้นต่ำและปรับขึ้น 10% จะกระทบกำไรเพียง 1.7% ซึ่งกระทบค่อนข้างจำกัด เรายังคงประมาณการกำไรทั้งปี 2023 ที่ 343 ลบ. +15% y-y
  • แนวรับ 19.50//19 บาท แนวต้าน 20.50//21-21.20 บาท

Fund Flow : ช่วง 2 วันทำการล่าสุดกระแสเงินทุนกลับมาไหลเข้าภูมิภาครวมกันอีก US$945 ล้าน โดยไหลเข้าหนาแน่นวันศุกร์ ตอบรับสภาฯสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้ เม็ดเงินไหลเข้านำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$658 ล้านและ US$233 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนค่อนมาในฝั่งไหลเข้านำโดยอินโดนีเซีย US$49 ล้าน มีเพียงเวียดนามที่ไหลออก US$14 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดชะลอการไหลเข้าหลังหลังตอบรับปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯ ที่คลี่คลายไปแล้ว และยังไม่มีปัจจัยใหม่หนุน โดยตลาดรอดูการประชุม FED ในสัปดาห์หน้าว่าจะคงดอกเบี้ยหรือไม่

ประเด็นสําคัญวันนี้

(+) ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ สูงกว่าคาด โดยการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน พ.ค. เพิ่มขึ้น 3.39 แสนตำแหน่ง โดยยังคงกระจุกที่ภาคบริการที่ยังแกร่ง ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมทรงตัว ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าตลาดคาดอย่างมีนัยยะที่ 1.9 แสนตำแหน่งและเร่งตัวขึ้นจาก เดือน เม.ย. ที่ 2.94 แสนตำแหน่ง ขณะที่ค่าจ้างแรงงานเดือน พ.ค. +0.3% m-m, +4.3% y- y ใกล้เคียงคาด ส่วนอัตราว่างงานขยับขึ้นเป็น 3.7% โดยรวมตัวเลขที่ออกมาสะท้อนว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังขยายตัวค่อนข้างแข็งแรง โดยตัวเลขสำคัญที่ต้องติดตามในเดือนนี้คือเงินเฟ้อ CPI เดือน พ.ค. ที่จะประกาศวันที่ 13 พ.ค. ก่อนที่ FED จะประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. นี้ โดยปัจจุบันตลาดคาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 5-5.25%

(0) จับตาเงินเฟ้อ CPI ไทยวันนี้ โดยตัวเลขเดือน พ.ค. ตลาดคาดเงินเฟ้อทั่วไป +1.7% y- y ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานคาด +1.6% y-y ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ +2.7% y-y และ +1.7% y-y ตามลำดับ ตามทิศทางราคาน้ำมันและ Commodity ที่ปรับลงจากปีก่อน สะท้อนแรงกดดันเงินเฟ้อของไทยต่อกนง.ที่จำกัดมากขึ้น ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามและอาจมีผลต่อเงินเฟ้อในระยะถัดไป คือ การส่งผ่านราคาของผู้ประกอบการ รวมถึงนโยบายจากรัฐบาลใหม่ โดยเฉพาะค่าแรงขั้นต่ำ

(+) ILM หลังจากประกาศกำไร 1Q23 ออกมาแข็งแกร่งตามคาด แนวโน้มกำไร 2Q23 คาดยังเติบโตได้ y-y หนุนจาก SSSG 2QTD ที่คาดยังเป็นบวกได้ต่อเนื่อง 7-8% y-y โดยเฉพาะสาขาในจังหวัดท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ เป็นต้น ส่วนการเปิด Little Walk กรุงเทพ กรีฑาใน 3Q23 จะเป็นปัจจัยหนุนรายได้รวมถึงค่าเช่าพื้นที่ ส่วนแผนการลงทุนระยะยาว 3-5 ปี ตั้งเป้าขยาย Index Living Mall 2 สาขาต่อปี Little Walk ต่อเนื่องและปรับพื้นที่สาขาเดิมโดย เน้นพื้นที่เช่ามากชึ้น และโฟกัสที่ตลาด Mass และ Customized มากขึ้น เรายังคงประมาณการกำไรปี 2023 ที่ 692 ลบ. +5% y-y คงราคาเป้าหมาย 24.80 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 199.90 จุด หรือ -0.59% ปิดที่ 33,562.86 จุด ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุม FED เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายในระยะถัดไป

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ หลังจากนักลงทุนขายทำกำไร หลักจากตลาดดีดตัวขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 34.78 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 939.56 / +1.45

- Advertisement -