ASL ANALYSIS GUIDE

SET index แกว่งตัว Sideway ในกรอบ 1,530-1,560

ประเด็นการลงทุน
1.นายกฯ เตรียมดันลดค่าไฟ-น้ำมัน พักหนี้ ฟรีวีซ่า ปรับค่าแรงขั้นต่ำ
2.จับตาเอลนีโญ กระทบราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่ง-เงินเฟ้อสูง
3.ราคาน้ำมันดิบพุ่ง

วันนี้เคาะ TU แนวโน้มผลประกอบการ 3Q66 คาดฟื้นตัว QoQ จากราคาปลาทูน่าที่เริ่มเห็นสัญญาณอ่อนตัวลงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงห้ามจับปลาขณะที่ยอดคำสั่งซื้อจากสหรัฐฯและยุโรป ที่กลับมาฟื้นตัว สะท้อนปัญหา Inventory Destocking เริ่มคลี่คลายลงรวมถึงทางบริษัทได้ปรับราคาขายเพิ่มขึ้น หนุนให้แนวโน้ม GPM ปรับตัวขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ 16.9% คาดว่าจะสูงกว่าระดับ 17.3%

MARKET STRATEGY

สรุปตลาดวานนี้ SET ปิดที่ 1,545.50 จุด เพิ่มขึ้น 4.56 จุด (+0.30%) มูลค่าการซื้อขาย 40,984.43 ล้านบาท แกว่งไซด์เวย์ โดยปรับตัวบวกขึ้นได้บ้างระหว่างวัน รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์

Research Highlight: ราคาน้ำมันดิบพุ่ง //ติดตามประชุมครม.นัดแรก
นายกฯ เตรียมดันลดค่าไฟ-น้ำมัน พักหนี้ ฟรีวีซ่า ปรับค่าแรงขั้นต่ำ
  • วันนี้จะเป็นการประชุม ครม. ครั้งแรกของรัฐบาลเศรษฐา” โดยมีนโยบายเด่นอย่างการลดค่าไฟ หากได้ความชัดเจนในการปรับค่า ft และมีการปรับลดไม่น้อยกว่า 4.25 บาท/หน่วย จะเป็น serrtiment เชิงบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า คาดหวังการ buy on fact เราชอบ GPSC BGRIM EA GULF
  • ลดราคาน้ำมัน เพื่อลดค่าใช้จ่ายของประชาชน โดยจะมีการพูดคุยกับกองทุนน้ำมันในวันนี้
  • พักหนี้เกษตรกร คาดว่าจะเริ่มทําได้ภายในปีนี้ ซึ่งต้องติดตามว่าจะกระทบกับกลุ่มสถาบันการเงินมาก-น้อยแค่ไหน ในแง่ของการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยที่จะลดลง แต่แลกกับคุณภาพสินทรัพย์ที่จะไม่ปรับชั้นมากกว่าเดิม
  • ฟรีวีซ่า ประเทศเป้าหมาย (จีน-อินเดีย) โดยจะส่งเสริมการท่องเที่ยวระยะสั้นในช่วงเดือน ก.ย.66 ถึงเดือน ก.พ.67 เป็นบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยว AOT CENTEL ERW SPA AAV CRC CPN MBK
  • ปรับค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท เบื้องต้นต้องติดตามช่วงเวลาที่มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเป็นหลักอย่างกลุ่มก่อสร้าง อสังหา และเกษตร แต่เป็นบวกต่อกลุ่มที่ยิ่งการบริโภคในประเทศ เช่นกลุ่มค้าปลีก BJC CPALL CBG กลุ่มการเงิน MTC SAWAD TIDLOR NCAP
จับตาเอลนีโญ กระทบราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่ง-เงินเฟ้อสูง
  • ปรากฏการณ์เอลนีโญได้สร้างความกังวลว่าจะส่งผลเสียหายต่อภาคเกษตรไทย และทำให้รายได้จากการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรของไทยลดลง
  • ส่งผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity Prices) สูงขึ้น จากความแห้งแล้งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทำให้ความต้องการใช้ถ่านหิน และน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น เนื่องจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ และโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนผลิตไฟฟ้าได้น้อยลง ขณะที่ภาคการเกษตรมีความต้องการน้ำมากขึ้นเพื่อการชลประทาน ซึ่งต้องใช้เชื้อเพลิงในการผลิตพลังงานไฟฟ้า ผลักดันให้ราคาพลังงานสูงขึ้น เป็นปัจจัยกดดันให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น
  • สําหรับสถานการณ์สินค้าเกษตรไทย ช่วงซูเปอร์เอลนีโญปี 2558 พบว่า ปริมาณผลผลิตสินค้าเกษตรสําคัญของไทยส่วนใหญ่ลดลง โดยเฉพาะข้าวเปลือก ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และปาล์มน้ำมัน ส่วนราคาสินค้าเกษตรส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น ยกเว้นปาล์มน้ำมัน ในส่วนของสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง (+UBE PQS TMILL)
  • ต้องติดตามนโยบายของรัฐบาลที่จะช่วยผลิตภาพของเกษตรกรให้สูงขึ้น เพื่อสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น
ราคาน้ำมันดิบพุ่ง
  • ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นแรง ขานรับโอเปกคาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกจะยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในปี 2566 และ 2567 เนื่องจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจของประเทศขนาดใหญ่มีความแข็งแกร่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยโอเปกคาคว่าอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกปี 2567 จะเพิ่มขึ้น 2.25 ล้านบาร์เรลต่อวัน
  • เป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานเราชอบ PTTEP PTTGC TOP BCP
  • อย่างไรก็ดีเป็นปัจจัยกดดันให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ ปีหน้าอาจทำให้หลายธนาคารกลางทั่วโลกจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงยาวนานกว่าคาด โดยคืนนี้จะมีรายงานเงินเฟ้อ ส.ค. สหรัฐ ตลาดคาดปรับตัวขึ้นเป็น 3.6% ก่อนที่จะมีประชุมเฟด 19- 20 ก.ย. นี้ ตลาดคาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.25-5.50%
Investment Strategy
  • ประเมิน SET Index แกว่งตัว sideway ในกรอบ 1530-1560
Global Markets

(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบในวันอังคาร (12 ก.ย.) ขณะที่ ดัชนี Nasdaq ร่วงลงกว่า 1% หลังจากบริษัทออราเคิล ซึ่งเป็นผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันยังทำให้ตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อประจำเดือนส.ค.ใน สัปดาห์นี

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบในวันอังคาร (12 ก.ย.) ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังในการซื้อขายก่อนสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อและธนาคารกลางยุโรป ประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้

(+) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 10 เดือนในวันอังคาร (12 ก.ย.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) คาดการณ์ว่าอุปสงค์ มั่นในตลาดโลกจะยังคงแข็งแกร่งในปีนี้และปีหน้า

(-) สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดลบถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ซึ่งจะลดความน่าดึงดูดของทองคำ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของ ธนาคารกลางสหรัฐ

หุ้นเคาะไป คุยไป..TU
  • บริษัทได้ปรับเป้าหมายปี 66 ใหม่ โดยธุรกิจอาหารทะเลคาดว่าจะหดตัว 5-6% เทียบกับเป้าเดิมที่จะขยายตัว 3-4% โดยงวด 1H66 หดตัวไปแล้ว 11.30% ตามการปรับเป้ายอดขายของ ITC ลง รวมถึงได้ปรับ GPM จากเดิม 17.5-18.0% เป็น 16.5-17.5% โดยงวด 1H66 อยู่ที่ 15.99% ด้าน Red Lobster (RL) ปรับลดส่วนแบ่งการขาดทุนเหลือ 500 ล้านบาท จากเดิมขาดทุน 600 ล้านบาท ส่งผลให้แนวโน้มช่วงที่เหลือของปีขยายตัวตาม
  • แนวโน้มต้นทุนปลาทูน่าที่ลดลง จากปริมาณปลาทูน่าที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น และการยกเลิกการจับปลาได้สิ้นสุดใน 30 ทำให้มีแนวโน้มจับปลาได้มากขึ้น ธุรกิจอาหารทะเลกระป๋อง และอาหารทะเลแช่แข็งดีขึ้น ขณะที่ RL จะดีขึ้นตามการควบคุมค่าใช้จ่าย และลูกค้าเริ่มเข้ามาทานในร้านมากขึ้น แนวโน้มผลประกอบการ 3Q66 คาดฟื้นตัว QoQ จากราคาปลาทูน่าที่เริ่มเห็นสัญญาณอ่อนตัวลงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงห้ามจับปลา ขณะที่ยอดคำาสั่งชื้อ จากสหรัฐฯและยุโรป ที่กลับมาฟื้นตัว สะท้อนปัญหา inventory destocking เริ่มคลี่คลายลง รวมถึงทางบริษัทได้ปรับราคาขายเพิ่มขึ้น หนุนให้แนวโน้ม GPM ปรับตัวขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ 16.9% คาดว่าจะสูงกว่าระดับ 17.3%
  • ในเชิง Valuation ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PE 10.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตย้อนหลัง 5 ปีที่ 14 เท่า และปรับตัวลงมากว่า 17.2%YTD สะท้อนปัจจัยลบทั้งในเชิงแนวโน้มผลประกอบการในปีนี้ที่จะหดตัว และการลดสัดส่วน ถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างชาติที่เหลือเพียง 22.45% ประเมิน downside risk เริ่มจํากัด

 

- Advertisement -