บล.กรุงศรีฯ:

INVESTMENT STRATEGY – อีกหนึ่งมาตรการสำหรับกระตุ้นการช้อปปิ้ง?

รัฐบาลได้มีการร่วมหารือกับทางผู้ผลิต ผู้ประกอบการค้าร้านค้า modern trade และตลาดท้องถิ่นเพื่อลดราคาขายสินค้ากว่า 150,000 รายการ สูงสุด 87% จนถึงสิ้นปีนี้ นี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนใหญ่ของรัฐบาลในการสนับสนุนมาตรฐานการครองชีพ คาดว่าจะสามารถลดต้นทุนการครองชีพได้ประมาณ 2-3 พันล้านบาท แม้ตัวเงินอาจจะฟังดู น่าตื่นเต้นแต่ถ้ามองจากเม็ดเงินการบริโภคภาคเอกชนจะเป็นเพียง 0.07-0.1% ของ nominal GDP 2Q23 รวมถึงจะทำให้อัตราเงินเฟ้อ ลดลงจากการใช้มาตรการนี้ แต่ระดับของความสำเร็จที่ได้จะขึ้นอยู่กับระดับการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน ดังนั้นจึงยังเร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นจนกว่าจะมีรายละเอียด เพิ่มเติม

อาจเป็นช่วงเวลาที่ดีในการดำเนินมาตรการดังกล่าว

เราต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมก่อนจึงจะสามารถคำนวณผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงินได้ อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นเวลาที่ดีที่จะดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว ประการแรก อุปสงค์โดยรวมทั่วโลกจะยังคงอ่อนตัวลงต่อไป แม้จะมีสัญญาณเริ่มแรกของความมีเสถียรภาพในภาคการผลิตก็ตาม ซึ่งหมายความว่าการส่งออกของไทยจะยังคงอ่อนแอในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และทำให้การเติบโตโดยรวมลดลง ดังนั้นจึงสมเหตุสมผลที่จะสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลไกทางเศรษฐกิจที่จะสามารถขยับได้อยู่ นอกจากนี้รัฐบาลจะมีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด เนื่องจากภาคเอกชนมักจะจัดโปรโมชั่นส่งท้ายปีเพื่อกระตุ้นยอดขายและเคลียร์สินค้าคงคลัง

โฟกัสไปที่ผลกระทบที่จะเกิดต่ออัตรากำไรสุทธิของธุรกิจ

มีความกังวลว่านโยบายนี้อาจกดดันอัตรากำไรและผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน จากมุมมองของเราคือบริษัทจดทะเบียนจะไม่ดำเนินการใดๆ ที่รุนแรงที่จะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานทางการเงินอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ก็อาจมีความพยายามร่วมมือกับรัฐบาลโดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนลดมากขึ้น ซึ่งความกังวลมีความสำคัญต่ออัตรากำไร คือ ต้นทุนวัตถุดิบ และค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะผลักดันราคาให้สูงขึ้น และอุปสงค์ในประเทศที่แข็งแกร่งขึ้น

- Advertisement -