บล.บัวหลวง:

KCE Electronics (KCE TB / KCE.BK)

KCE – ฟื้นแรงตามคาด พร้อมลุยต่อ

กำไรไตรมาส 3/66 ของ KCE เด้งแรง และเราคาดว่าแนวโน้มบวกนี้จะคงอยู่ต่อในไตรมาส 4/66 ถึงปี 2567 นักลงทุนอาจกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก แต่เราเชื่อว่า KCE จะผ่านแนวโน้มที่กดตันนี้ไปได้ด้วยดี ซึ่งข้อมูลเชิงลึกจากการประชุมช่วงบ่ายวันนี้ (วันที่ 8 พ.ย.) คาดจะหนุนมุมมองของเรา

ไตรมาส 3/66 ฟื้นตัวดีตามคาด

รายได้รวมอยู่ที่ 4.3 พันล้านบาท สำหรับไตรมาส 3/66 ลดลง 7% YoY แต่เพิ่มขึ้น 11% QoQ (ในค่าเงินดอลลาร์จะอยู่ที่ 124 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 3% YoY แต่เพิ่มขึ้น 9% QoQ) อัตรากำไรขั้นต้น ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 22% ในไตรมาส 3/66 เนื่องจากประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น ราคาวัตถุดิบและต้นทุนสาธารณูปโภคที่ลดลง ปริมาณการขายของผลิตภัณฑ์ PCB ทั้งหมดเติบโต QoQ ในเกือบทุกภูมิภาคทัวโลก ยกเว้นสหรัฐ ราคาสปอตทองแดงลดลง 11% YoY และ 5% QoQ ในไตรมาส 2/66 ส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบลดลงในไตรมาส 3-4/66 ซึ่งหนุนให้กำไรหลักอยู่ที่ 471 ล้านบาท ลดลง 26% YoY แต่เพิ่มขึ้น 47% QoQ

ตอนต่อไป?

ในไตรมาส 4/66 รูปแบบของรายได้น่าจะเบรคเทรนด์ช่วงโลว์ซีซั่นที่ปกติจะซะลอ QoQ และอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง กำไรหลักคาดเพิ่มขึ้น 5% YoY และ 10% QoQ ซึ่งถือเป็นการเติบโต YoY ครั้งแรกนับตั้งแต่ไตรมาส 4/65 บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโต 5-15% ในปี 2567 โดยตั้งเป้าหมายอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ 90-93% เพิ่มขึ้นจาก 85% ในปี 2565 โดยไม่ต้องเร่งโรงงานที่สร้างขึ้นใหม่ ในระดับการผลิตดังกล่าวอัตรากำไรขันต้นจะอยู่ที่ 26-27% (อิงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 34-35 บาท/ดอลลาร์) ซึ่งสูงกว่าระดับที่คาดจะแตะ 25% เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 1/67 เราคาดการณ์กำไรหลักในเชิงอนุรักษ์นิยมที่ 2.4 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 50%) จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 10% และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 25% เราคาดกำไรรายไตรมาสจะเพิ่มขึ้น 80-90% YoY ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 และ 40-50% ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 (อาจจะดีขึ้นหากสอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัท)

KCE จะผ่านพันช่วงอุตสหากรรมยานยนต์ซะลอตัวได้

KCE อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะผ่านช่วงที่อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกซะลอตัว เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ แม้ว่ายอดขายมากกว่า 80% จะเชื่อมโยงกับภาคส่วนนี้ แต่ข้อมูลในอดีตของ KCE ระหว่างปี 2561-65 แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการดำเนินงานที่เหนือกว่ายอดขายและการผลิตรถยนต์ทั่วโลกในสามจากห้าปี และมีเพียงครั้งเดียวที่เติบโตต่ำกว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น น่าจะเกิดจากการใช้ EV ที่เพิ่มขึ้น และความก้าวหน้าของระบบ ADAS ซึ่งทั้งสองปัจจัยนี้จำเป็นต้องมีปริมาณเซมิคอนดักเตอร์ต่อยานพาหนะที่มากขึ้น ตามการคาดการณ์ของอุตสาหกรรมโดย Mordor Intelligence ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ในอุตสาหกรรมยานยนต์คาดว่าจะเห็นการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี 2566-71 ที่ 14.4%

จากข้อมูลของ Morgan Stanley เซมิคอนดักเตอร์ EV มีมูลค่าราว 1,200 เหรียญสหรัฐต่อคัน เทียบกับ 400 เหรียญสหรัฐสำหรับรถยนต์ ICE การใช้ระดับระบบอัตโนมัติที่สูงขึ้นในยานพาหนะ ระดับ 3 เพิ่ม 600 ดอลลาร์ ระดับ 4 เพิ่ม 900 ดอลลาร์ และระดับ 5 เพิ่มปริมาณเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มเติม 1,200 ดอลลาร์ต่อรถยนต์หนึ่งคัน ซึ่งจะหนุนการเติบโตของ KCE ดังนั้น แนวโน้มการเติบโตของ KCE จึงมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดไม่เพียงแต่กับปริมาณการขายรถยนต์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงความซับซ้อนและปริมาณเซมิคอนดักเตอร์ที่เพิ่มขึ้นในยานพาหนะสมัยใหม่อีกด้วย

- Advertisement -