Daily Focus: Selective Play

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัวออกข้างในกรอบแคบมากหลังจาก ก่อนปิดทรงตัว +0.13 จุด ณ สิ้นวัน มูลค่าการซื้อขายกลับมาบางลงเหลือ 3.8 หมื่นลบ. หุ้นขนาดใหญ่อย่าง AOT BDMS CPF RATCH ยังคงเผชิญแรงขาย ส่วนกลุ่มที่ประคองตลาด ได้แก่ PTT CPALL GPSC อิเล็กทรอนิกส์ สถาบันในประเทศยังซื้อสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องอีก 985 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิบางๆ 266 ลบ. (แต่พลิกมา Long Index Futures เล็กน้อย 2.4 พัน สัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัวในแดบวกบวกทดสอบกรอบ 1,390+/- จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวกจากฝั่งต่างประเทศ หลังตลาดยังให้น้ำหนักและคาดหวังเชิงบวกต่อทิศทางดอกเบี้ยของ FED ที่จะปรับลง 4-5 ครั้งในปี 2024 สู่ระดับ 4-4.25% ขณะที่เศษฐกิจคาดว่าจะเกิด Soft Landing ได้ โดยถ้อยแถลงของพาวเวลเมื่อคืนวันศุกร์แม้จะยังมองว่าการดำเนินนโยบายยังต้องมีความระมัดระวัง แต่ตลาดมองว่าโทนของถ้อนแถลงค่อนมาในฝั่ง Dovish ส่งผลให้เม็ดเงินไหลเข้าทั้ง หุ้น พันธบัตร ทองคำ รวมถึงบิทคอยน์ ขณะที่ Dollar Index อ่อนค่าลง ล่าสุด Bond Yield 10 ปีสหรัฐฯย่อตัวลงแตะ 4.2% เป็น Sentiment บวกต่อตลาดหุ้นมากขึ้น อย่างไรก็ตามยังต้องระมัดระวังในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ระยะสั้นมีสัญญาณ Overbought อย่างไรก็ตามภาพของ SET Index กลับข้างกันโดยดัชนีอยู่ในโซนต่ำหลังจากพักฐานแรงราว -10% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา และ -17% YTD สะท้อนปัจจัยลบจากทั้งกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาดในปีนี้และถูกปรับประมาณการลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ Valuation ถูก De-rated จากดอกเบี้ยและ Bond Yield ที่สูงกว่าช่วงโควิด เราจึงยังคาดหวังโอกาสที่ SET Index จะทยอยฟื้นตัวได้ในปี 2024 หนุนจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ขณะที่กองทุน TSEG ที่จะเปิดขายในเดือน ธ.ค. เป็นอีกหนึ่งแรงหนุนดัชนีอ่อนๆ เรายังมองจังหวะพักตัวลง เป็นโอกาสทยอยสะสมเพื่อถือลงทุนระยะกลาง-ยาว

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่โมเมนตัมกำไร 4Q23-2Q24 แข็งแกร่งและ PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid // รอจังหวะสะสมเพิ่มหากดัชนีปรับลงหากรอบล่างในกรณีแย่ของเราที่ 1,300-1,350+/- จุด

หุ้นเด่นเดือน ธ.ค.: CPN, GPSC, SJWD, TIDLOR, TU

หุ้นเด่นวันนี้ : AOT

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 76 บาท
  • ราคาหุ้น AOT ที่ปรับตัวลงกว่า 15% ในช่วงเกือบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเรามองว่าสะท้อนความ กังวลนักท่องเที่ยวจีนที่เข้าไทยน้อยกว่าคาด รวมถึงการขยายเวลาช่วยเหลือผู้ประกอบการไปค่อนข้างมากแล้ว ขณะที่สัญญาณ RSI อยู่ในเขต Oversold ระยะสั้นจึงมองมีโอกาสฟื้นตัว
  • ล่าสุดจำนวนนักท่องเที่ยวรายสัปดาห์ทำ New High ในปีนี้ต่อเนื่อง 3 สัปดาห์ติดต่อกันที่ 9หมื่นคนต่อวัน และคาดเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องในเดือน ธ.ค. 23 – ม.ค. 24 จาก Peak Season เราคาดกำไรปี 2023-24 ที่ 2.1 หมื่นลบ. +128% y-y และ 2.9 หมื่นลบ. +38% y-y ตามลำดับ
  • แนวรับ 58//55.50 บาท แนวต้าน 60//62 บาท

Fund Flow : เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนโดยรวมค่อยข้างเบาบาง สุทธิแล้วพลิกมาไหลออกจากภูมิภาค US$198 ล้าน โดยกระจุกตัวที่เกาหลีใต้ที่ไหลออก US$197 ล้าน ส่วนไต้หวันไหลออกบาๆง ด้านอาเซียนเม็ดเงินผสมผสาน ไหลออกจากไทยและเวียดนามประเทศละ US$8-13 ล้าน แต่ไหลเข้าอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ประเทศละ US$15-25 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะพลิกมาไหลเข้าหลังตลาดยังให้มุมมองเชิงบวกต่อโอกาสที่ FED จะลดดอกเบี้ยปีหน้า 4-5 ครั้ง และ soft Landing ทำให้เม็ดเงินไหลเข้าทุกสินทรัพย์และดอลลาร์อ่อนค่า

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) กลุ่มสินเชื่อบัตรเครดิต แนวทางในการแก้ไขปัญาหนี้นอกระบบที่มีการพูดถึง การปรับอัตราดอกเบี้ยลงให้ต่ำกว่า 18% นั้น ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตที่ผู้ประกอบการเรียกเก็บอยู่ที่ 16% ซึ่งลดลงมาตั้งแต่ปี 2020 เพื่อช่วยลูกหนี้จากผลกระทบของโควิด ผลกระทบของอัตราที่กำลังเป็นที่พูดถึงกันขณะนี้จึงน่าจะจำกัดมาก สำหรับผู้ประกอบการในกลุ่ม Bank และ Non-bank ที่ให้สินเชื่อบัตรเครดิตในสัดส่วนที่สูงกว่ากลุ่มได้แก่ KTC (65%), AEONTS (44%), KBANK (13%) SCB (5%) ประเด็นนี้เป็น sentiment ลบจนกว่าจะชัดเจน อย่างไรก็ตาม เรายังชอบ KBANK (ราคาเป้าหมาย 160 บาท) จากคุณภาพสินทรัพย์ที่เริ่มทรงตัว ส่วน KTC, AEONTS เชื่อว่ายังไม่ใช่ตัวเลือกที่น่าสนใจ แนะนำ switch ไปกลุ่มสินเชื่อ title loan ได้แก่ TIDLOR (ราคาเป้าหมาย 28 บาท), SAWAD (ราคาเป้าหมาย 54 บาท)

(+) AP กระแสตอบรับ 2 คอนโดใหม่ ดีกว่าเป้า คือ Aspire Vibha-Victory มูลค่า 2.3 พันลบ. ทำยอดขายได้ 45% เริ่มโอน 3Q25 และ Rhythm Charoennakhon Iconic มูลค่า 5 พันลบ. ทำยอดขายได้ 75% เริ่มโอน 2Q26 ส่วนแนวราบ การขายค่อนข้างทรงตัวจาก 3Q23 คือ 15-20% จากที่เปิดตัวแล้ว 12 โครงการใน 4Q23 สำหรับกำไร 4Q23 คาดว่าจะทำได้ 1.5-1.6 พันลบ. เร่งขึ้น 30-40% y-y แต่ลดลง q-q และจบปี 2023 ที่ 6.3 พันลบ. (+7% y-y) ปี 2024 คาดโตต่อ 3% y-y ยังคงเดินหน้าทำ new high ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ 2Q24 PE เพียง 5.3x (-0.5 SD) และคาดปันผล 6.5% คงราคาเป้าหมาย 14.40 บาท แนะนำซื้อ

(0) คาดการณ์หุ้นเข้า-ออก SET50 งวด 1H24 หุ้นออก DELTA INTUCH TLI หุ้นเข้า KCE ITC BCP ประกาศผลกลางเดือน ธ.ค.

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 294.61 จุด หรือ +0.82% ปิดที่ 36,245.50 จุดหลังประธานเฟด แสดงความเห็นที่สนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐอาจแตะระดับสูงสุดแล้ว

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนลดลงท่ามกลางความหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย ปิดลบเล็กน้อย นำโดยตลาดญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ขณะที่นักลงทุนจับตามองตัวเลขเงินเฟ้อญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าจะกระทบต่อภาพรวมนโยบายการเงินของ BoJ

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 34.83 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.90%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ร่วงลง 1.89 ดอลลาร์ หรือ 2.49% ปิดที่ 74.07ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวลงมากกว่า 1.6% ในรอบสัปดาห์นี้ ขณะที่นักลงทุน ยังคงจับตาสถานการณ์การปรับลดการผลิตน้ำมันรอบล่าสุดของกลุ่มโอเปกพลัสและกิจกรรมการผลิตที่ซบเซาทั่วโลกอาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 74.65 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ 0.78%

(+) ราคาทองคำ COMEX พุ่งขึ้น 32.50 ดอลลาร์ หรือ 1.58% ปิดที่ 2,089.70ดอลลาร์/ออนซ์ และปรับตัวขึ้น 3.37% ในรอบสัปดาห์นี้ เนื่องจากดอลลาร์อ่อน ค่าลงหลังจากการแสดงความเห็นของ ประธานเฟด บ่งชี้ว่า เฟดอาจยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นที่ระดับ 2115.30 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ +1.23

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 878.82/ +0.26%

- Advertisement -