“เฟ้อเกินคาด ฟาด SET ลงต่อ” / 1400-1415

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET ยังไม่ยอมขึ้น: หลังปัจจัยลบยังเข้ามากดดัน ได้แก่ 1) ตัวเลข CPI และ Core CPI สหรัฐฯ เดือนธ.ค.66 ออกมาที่ 3.4%y-y และ 3.9%y-y ตามลำดับ สูงกว่าตลาดคาดที่ 3.2%y-y และ 3.8%y-y ตามลำดับ พร้อมกับตัวเลขผู้ขอสวัสดิการครั้งแรกประจำสัปดาห์ที่ 2.02 แสนราย ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 2.10 แสนราย หนุนการคงอัตราดอกเบี้ยของเฟด และเป็นแรงกดดันต่อภาพรวมการลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยง 2) ก.พาณิชย์เผยวิกฤติทะเลแดงจะผลักดันค่าระวางเรือขึ้นกว่า 200-400% สร้างความกังวลในประเด็นอัตราเงินเฟ้อจากฝั่งอุปทานอีกครั้ง 3) Sino-Ocean Group Holding บริษัทอสังหาฯใหญ่ของจีน เริ่มส่งสัญญาณเชิงลบ หลังขอขยายเวลาไถ่ถอนหุ้นกู้ไปอีก 30 เดือน จากปัญหาการขาดสภาพคล่องจุดชนวนความกังวลในภาพรวมการฟื้นตัวของภาคอสังหาฯจีนอีกครั้ง โดยรวมปัจจัยลบยังมีน้ำหนักมากกว่าปัจจัยหนุน ที่มาจาก 1) ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น 2% สู่ระดับ 73.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เป็นแรงผลักดันราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานต้นน้ำ 2) วันนี้เป็นวันก่อนการเลือกตั้งปธน.ไต้หวัน โดยผู้ที่ได้คะแนนนำ ได้แก่ นายไล่ ชิงเต๋อ จากพรรค DPP ยังเป็นแรงหนุนต่อหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ผ่านการย้ายฐานการผลิต เพื่อลดผลกระทบจากความขัดแย้งทางการเมือง ขณะที่ปัจจัยที่ตลาดยังรอติดตามได้แก่ 1) การประกาศผลประกอบการณ์ของกลุ่มการเงินสหรัฐ เช่น JP Morgan, Bank of America, Citi Group และ First Republic Bank โดย Goldman Sachs คาดผลประกอบการณ์ 4Q66 ของกลุ่มธนาคารส่วนใหญ่จะออกมาชะลอตัวลง หากออกมาตามคาด อาจสร้าง Sentiment กดดันภาพรวมการลงทุนเพิ่มเติม 2) ตัวเลขศก.ของจีน ได้แก่ GDP 4Q66, อัตราการว่างงาน, ตัวเลข Industrial Production และรายงานการประชุม NBS เพื่อคาดการณ์ทิศทางของเศรษฐกิจจีน 3) ตัวเลข CPI และ Core CPI ยุโรปคาดจะออกมาในทิศทางขยายตัวที่ 2.9%y-y และ 3.4%y-y ตามลำดับ
  • กลยุทธ์การลงทุน : 1) เก็งงบ 4Q66: KBANK, TISCO,TTB, SIRI 2) Dividend + Defensive : BRI, KKP, LH, AP, SIRI, SPALI, BH, BDMS, BCH 3) เลือกตั้งไต้หวัน: WHA, AMATA, PIN, ROJNA 5) Selective play: TU, ITC, ICHI, TEGH, NER, STA

ปัจจัยบวก

  • รมว.แรงงานเผยแผนจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะมีอีกครั้งในวันสงกรานต์เดือนเม.ย.นี้ และในปี 2568 หลังได้ปรับขึ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา
  • ตลท. เผยว่าเตรียมขยายเวลาการซื้อขายหุ้นจากเดิม 4.30 ชั่วโมง เป็น 5 ชั่วโมง โดยจะเริ่มซื้อขายตลาดบ่ายจากเดิม 14.30 น. เป็น 14.00 น. ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาช่วง Final Report จะศึกษาผลกระทบแล้วเสร็จช่วงกลางเดือน ก.พ. มองจะทำให้ตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับตลาด
  • Bloomberg รายงานว่าทางการจีนเตรียมจะผ่อนคลายข้อกำหนดการขอวีซ่า เพื่อให้ต่างชาติสามารถท่องเที่ยว, ศึกษา และทำธุรกิจในจีนได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการใหม่ที่ทางการจีนใช้เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ

ปัจจัยลบ

  • ซีเอ็นบีซีรายงานห่วงโซ่อุปทานโลกเริ่มรับรู้ถึงผลกระทบจากกรณีที่กลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนโจมตีเรือพาณิชย์ ในทะเลแดงแล้ว โดยรองประธาน NRF ซี้ยิ่งปัญหายาวนานเพียงใด จะยิ่งทำให้ค่าระวางเรือเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
  • ซิตี้กรุ๊ป ระบุงบงวด 4Q66 จะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนในค่าเงินเปโซอาร์เจนตินา และค่าใช้จ่ายปรับโครงสร้างองค์กร ซึ่งสูงกว่าที่ทาง CFO ได้แจ้งไว้ก่อนหน้านี้ ด้านโกลด์แมน แซคส์ คาด 4Q66 กลุ่มธนาคารใหญ่ในสหรัฐจะรายงานกำไร 4Q66 ลดลงจากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้กำไรลดลงในกลุ่มธนาคาร

PICKS OF THE DAY

BH BUY

  • เป้าหมาย 243.00 / 248.00 แนวรับ 232.00
  • รายได้ปี 67 เติบโต y-y: คาดว่าปี 67 รายได้เพิ่มขึ้น จากนักท่องเที่ยวที่หันมารับบริการ (medical tourist) ในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น BH มีฐานลูกค้าหลักจากลูกค้าต่างชาติคิดเป็น 67% โดยเฉพาะกลุ่มตะวันออกกลางและจีน อีกทั้งการปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาลจะหนุนภาพแนวโน้มการเติบโตที่ดี
  • Defensive stock: ปัจจุบัน BH มีค่า Beta ที่ 0.51 ซึ่งต่ำกว่า 1 สะท้อนเป็นหุ้น Defensive เหมาะแก่การลงทุนในช่วงที่ SET Index มีความผันผวน นอกจากนี้ คาด BH จะได้ปัจจัยหนุนจากการที่รัฐบาลได้มีมาตรการวีซ่าฟรีแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะการให้วีซ่าฟรีแก่ผู้ถือหนังสือเดินทางจากจีน

AP BUY

  • เป้าหมาย 12.00 / 12.50 แนวรับ 11.20
  • 4Q66 Presale เติบโต y-y และ q-q: AP ประกาศ Presale ใน 4Q66 ที่ 16,067 ล้านบาท เติบโต 37.6%y-y และ 24.0%q-q โดยเติบโตจากคอนโด 7,877 ล้าบาท เป็นหลัก โดยมีคอนโด Rhythm เจริญนคร ไอคอนิค และ Life พหลฯ-ลาดพร้าว ที่เปิดตัวใน 4Q66 ขายได้ดีทั้ง 2 โครงการ ขณะที่ Presale ทั้งปีอยู่ที่ 51,390 ล้านบาท เติบโต 1.9%y-y
  • มุมมองของผู้บริโภคดีขึ้น: คาดได้ Sentiment หนุนจากการที่ม.หอการค้าฯเผยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนธ.ค.66 อยู่ที่ระดับ 62.0 ปรับตัวดีขึ้นจากในเดือน พ.ย.ที่ 60.9 เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 นอกจากนี้ AP ยังเป็นหนึ่งในหุ้นที่มีการจ่ายปันผลที่ค่อนข้างน่าสนใจ โดยทางฝ่ายคาดจะจ่ายปันผลอยู่ที่ 0.71 บาท/หุ้น
- Advertisement -