KS Daily View 12.01.2024 >>> คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,400-1,420 จุด Sentiment ลบ จากเลขเงินเฟ้อธ.ค.สหรัฐ สูงกว่าคาด สร้างความกังวลเฟดไม่รีบลดดอกเบี้ย ราคาน้ำมัน WTI พุ่ง 3% หนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน หุ้นแนะนำ PTTEP

สรุปภาวะตลาดเมื่อวานนี้

  • ต่างประเทศ : ดัชนี DJIA +0.04%, S&P 500 -0.07%, NASDAQ +0.00%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ IT (+0.44%), Financials (+0.21%), Energy (+0.16%) ส่วน Sector ที่ Underperform ได้แก่ Utilities (-2.34%), Real Estate (-0.96%), Materials (-0.33%) เป็นต้น
  • ในประเทศ: SET Index -5.28 จุด หรือ -0.37% ปิดที่ 1,408.24 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ GPSC (+4.26%), MTC (+3.91%), BTG (+3.81%), SPRC (+3.68%) เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ VGI (-2.94%), BBL (-2.91%), SAPPE (-2.80%), CENTEL (-2.79%) เป็นต้น

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ: คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,400-1,420 จุด ตลาดหุ้นไทยไร้ปัจจัยบวกใหม่ Sentiment ลบ จากเลขเงินเฟ้อสหรัฐสูงกว่าคาด โดย CPI เดือนธ.ค. 66 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.4% YoY (ตลาดคาด +3.2% YoY) ส่งผลให้ตลาดกังวลเฟดอาจยังไม่รีบลดดอกเบี้ย คืนก่อนบอนด์ยีลด์สหรัฐปรับตัวแตะระดับ 4% อีกครั้ง อย่างไรก็ตามคาดหุ้นกลุ่มพลังงานได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมัน WTI +3% คืนก่อนจากความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรง

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนธ.ค. โดยดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.4% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.2% จากระดับ 3.1% ในเดือนพ.ย. ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.9% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.8% จากระดับ 4.0% ในเดือนพ.ย.
  2. ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นเกือบ 3% ทะลุระดับ 73 ดอลลาร์คืนก่อน หลังมีข่าวว่าอิหร่านยึดเรือบรรทุกน้ำมัน เซนต์นิโคลาส (St. Nikolas) ในอ่าวโอมานวานนี้ โดยเรือดังกล่าวเป็นที่สหรัฐได้กล่าวหาว่าละเมิดคำสั่งคว่ำบาตรของสหรัฐด้วยการขนส่งน้ำมันของอิหร่าน ทำให้เรือดังกล่าวต้องยอมให้สหรัฐยึดน้ำมันดิบของอิหร่านที่อยู่ในเรือ ซึ่งสร้างความไม่พอใจต่อทางการอิหร่าน โดยระบุว่าการกระทำดังกล่าวของสหรัฐถือเป็นการปล้นน้ำมันของอิหร่าน จนนำมาสู่การยึดเรือเซนต์นิโคลาสในที่สุด
  3. ตลท.เตรียมเพิ่มเวลาซื้อขายหุ้นไทยจาก 4.30 ชั่วโมง เป็น 5 ชั่วโมง โดยที่ตลาดภาคเช้าทำการซื้อขายจากเวลา 10.00-12.30 น. เช่นเดิม และตลาดภาคบ่ายจะเปิดเร็วขึ้น 30 นาที จากเดิมเวลา 14.30-16.30 น. เปลี่ยนเป็นเวลา 14.00-16.30 น. ส่วนวันที่จะมีผลบังคับใช้นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับ ก.ล.ต.
  4. กระทรวงการคลังเตรียมจัดตั้งบริษัทร่วมทุน JV AMC ระหว่างธนาคารเฉพาะกิจ (SFI) ของรัฐกับบริษัทบริหารสินทรัพย์ โดยถือหุ้นในสัดส่วน 50:50 เพื่อแก้ปัญหาหนี้สินของประชาชนที่หมักหมมมานาน โดย JV AMC จะรับโอนลูกหนี้ขนาดวงเงินไม่เกิน 20 ล้านบาท ตั้งเป้าช่วยเหลือลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียคงค้างอยู่กับ SFI ได้ประมาณ 3 ล้านบัญชี มูลหนี้ 230,000 ล้านบาท เรามองว่าข่าวนี้ไม่กระทบกลุ่ม AMC ที่จดทะเบียนในตลาด เนื่องจาก AMC เอกชนไม่เคยซื้อหนี้เสียจาก SFI เพราะ ก่อนหน้านี้ SFI ขายหนี้เสียไม่ได้
  5. นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า อัตราการเข้าพักเดือนธันวาคม 2566 อยู่ที่ 68% เฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวปีใหม่ และมาตรการรัฐ วีซ่าฟรี โดยโรงแรมบางส่วนสามารถปรับราคาห้องพักได้สูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 แล้ว โดยเฉพาะโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป แนวโน้มลูกค้าไตรมาส 1/2567 โรงแรม ส่วนใหญ่ 71% ประเมินว่าลูกค้าต่างชาติ (ไม่รวมจีน) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเอเชีย ตะวันออกกลาง และยุโรปตะวันตก
  6. “ภูมิ จิราธิวัฒน์” ทายาทรุ่นที่ 3 แห่งตระกูลจิราธิวัฒน์ ประกาศตั้ง “ซีจี แคปิตอล แอดไวซอรี่-Private Equity Fund” มูลค่าเริ่มต้น 1 หมื่นล้าน ลุยลงทุนธุรกิจโรงแรม-อสังหาฯ รับเทรนด์ท่องเที่ยวไทยสัญญาณฟื้นตัวดี ประเดิมโครงการแรกคอนโดหรู “เดอะ สแตนดาร์ด เรซิเดนซ์ ภูเก็ต บางเทา”

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

คาดกรอบการเคลื่อนไหวของหุ้นไทยรายสัปดาห์ที่ 1,400-1,444 จุด โดยปัจจัยสำคัญที่จะต้องติดตามคือ ความคืบหน้าโครงการกู้เงินเพื่อทำดิจิตอลวอลเล็ต ตัวเลขเงินเฟ้อที่ทรงตัวสูงและตัวเลขตลาดแรงงานที่ยังแข็งแกร่ง ทำให้เฟดไม่จำเป็นต้องรีบลดดอกเบี้ย สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆที่ต้องติดตาม ได้แก่ ยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวน ดัชนีราคาผู้บริโภค และดัชนีราคาผู้ผลิตเดือน ธ.ค. ของจีน เป็นต้น

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

  • PTTEP (ราคาพื้นฐาน 180 บาท) Sentiment บวกจากสถานการณ์ในตะวันออกกลางมีความรุนแรงและยืดเยื้อขึ้น ล่าสุดราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นเกือบ 3% ทะลุระดับ 73 ดอลลาร์ หลังมีข่าวว่าอิหร่านยึดเรือบรรทุกน้ำมันเซนต์นิโคลาส (St. Nikolas) ในอ่าวโอมาน อีกทั้งการปราบปรามกบฏฮูตีก็ยกระดับขึ้น สํานักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าสุดรัฐบาลอังกฤษไฟเขียวการโจมตีทางอากาศในทะเลแดงร่วมกับสหรัฐ สำหรับปัจจัยพื้นฐานเราแนะนำ “ซื้อ” PTTEP ด้วยราคาเป้าหมาย ที่ 180 บาท จากแนวโน้มกำไรและเงินปันผลที่แข็งแกร่งในปี 2567 อีกทั้ง PTTEP ถือเป็นผู้เล่นที่มีความโดดเด่นที่สุดสำหรับโครงการ OCA

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (Consumer price index) ของจีนสำหรับเดือนธ.ค. ตลาดคาดที่ -0.7% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -0.5% YoY ต่อด้วยตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยสำหรับเดือนธ.ค. ตลาดคาดที่ 61.0 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 60.9
- Advertisement -