บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Gulf Energy Development (GULF)

กำไร 4Q66 ไม่เด่น…รอกลับมาเติบโต QoQ และ YoY ใน 1Q67

  • Action BUY (Maintain)

  • TP upside (downside) +20.6%
  • Close Jan 30, 2024 Price (THB) 43.75
  • 12M Target (THB) 52.75
  • Previous Target (THB) 52.75

คาดกำไร 4Q66 ลดลง QoQ แต่เติบโต YoY

คาดกำไรปกติ 4Q66 ที่ 3,682 ล้านบาท (-12% QoQ, +3% YoY) ลดลง QoQ แม้มีการ COD โรงไฟฟ้า GPD หน่วยที่ 2 ขนาด 662.5MW หลังถูกกดดันจาก 1) คาดปริมาณขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า IPP ที่มีอยู่เดิมลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล 2) การรับรู้ผลกระทบจากมาตรการลดค่าไฟฟ้าของรัฐบาลแบบเต็มไตรมาส 3) คาคค่าใช้จ่าย SG&A เร่งตัวขึ้นจากการ COD โครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่และปัจจัยฤดูกาล (การ จ่ายโบนัสพนักงาน) และ 4) คาดส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH ลดลงมาอยู่ที่ราว 1,120 ล้านบาท หลังค่าใช้จ่าย SG&A ของ ADVANC เร่งตัวขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล และการเริ่มรับรู้ผลขาดทุนจาก TTTBB ขณะ YoY คาดกำไรปกติสามารถเติบโตได้ แม้คาดค่าใช้จ่าย SG&A และต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น YoY เนื่องจากรายได้และส่วนแบ่งกำไรจากโครงการที่ COD ใหม่และต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลงจากฐานที่สูงสามารถชดเชยผลกระทบได้ หากกำไรปกติ 4Q66 ออกมาใกล้เคียงคาด จะส่งผลให้กำไรปกติทั้งปี 2566 ใกล้เคียงกับประมาณการของเรา

คาดกำไรปกติปี 2567 เติบโต YoY ได้ทุกไตรมาส

เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 1Q67 ที่ระดับ 3,800-4,000 ล้านบาท เติบโตทั้ง QoQ และ YoY หลังได้แรงหนุนจาก 1) ปริมาณขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า IPP ที่เร่งตัวขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล และการ COD โรงไฟฟ้าหินกองหน่วยที่ 1 (377.3MWe) ในเดือน มี.ค. 2) การได้รับอานิสงส์จากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้างวด ม.ค. – เม.ย. 2567 เป็น 4.18 บาท/หน่วย (เทียบกับงวด ก.ย. – ธ.ค. 2566 ที่ 3.99 บาท/หน่วย) 3) ค่าใช้จ่าย SG&A ที่ลดลงตามปัจจัยฤดูกาล และ 4) ส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH ที่ฟื้นตัว และหากมองไปยังช่วง 2Q-4Q67 คาดกำไรสามารถเติบโต YoY ได้เช่นกัน จากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง (ผลจากกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติในแหล่งเอราวัณที่พื้นตัว) และการ COD กำลังผลิตใหม่อย่างต่อเนื่อง (ทั้งโรงไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติและโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน)

งบ 4Q66 ที่ไม่เด่น เป็นปัจจัยกดดันการฟื้นตัวในช่วงสั้น

คงประมาณการกำไรปี 2567 ที่ 18,107 ล้านบาท (+16% YoY) และคงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ที่ 52.75 บาท/หุ้น (อิง SOTP และรวมพรีเมียม 2% จาก Yuanta ESG Rating ระดับ AA) มี Upside +20.6% คงคำแนะนำ “ซื้อ” แม้เรามองว่าราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวในระยะกลางยาว ตามการเติบโตของกำไรและแรงเก็งกำไรเกี่ยวกับการประกาศแผน PDP ฉบับใหม่ของไทย (คาดมีความชัดเจนในปี 2567) และการเปิดรับ ซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนส่วนขยายของ กกพ. (คาดมีความชัดเจนใน 2H67 เป็นอย่างเร็ว) แต่ในช่วงสั้นคาดการฟื้นตัวของราคาหุ้นมีโอกาสถูกกดดันจากงบ 4Q66 ที่ไม่เด่น เชิงกลยุทธ์ นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยอาจพิจารณาชะลอการลงทุน และรอเข้าลงทุนเพื่อหวังการฟื้นตัวของราคาหุ้นในหลังการประกาศงบ 4Q66 (คาดรายงานวันที่ 15 ก.พ.)

- Advertisement -