Daily Focus: Earnings and Selective Play

2024 SET Target : 1520

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวในแดนลบต่อเนื่องตั้งแต่ภาคเช้า ก่อนที่จะเร่งขึ้นในช่วงบ่ายหลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการเสนอแก้ไข ม.112 ของพรรคก้าวไกลเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ทำให้ปัจจัยการเมืองมีแรงกดดันมากขึ้น ขณะที่ตลาดรอติดตามผลการประชุม FED ดัชนีปิดลบ 8.62 จุด ณ สิ้นวัน ที่ระดับ 1,364.52 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้นเป็น 4.9 หมื่นลบ. สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิในตลาดหุ้น 286 ลบ.และ 961 ลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Short Index Futures ต่อเนื่องอีก 6.7 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways to Sideways Down ในกรอบ 1,355-1,370 จุด โดยบรรยากาศการลงทุนค่อนไปในทางลบหลังการประชุม FED เมื่อคืนที่ผ่านมา คงอัตราดอกเบี้ยตามคาด แต่ประธาน FED ส่งสัญญาณว่าการปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมรอบเดือน มี.ค. ยังไม่น่าจะเกิดขึ้น โดยคณะกรรมการต้องมีความมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะลงสู่ระดับ 2% ก่อนที่จะตัดสินใจลุดดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ด้าน Bond Yield 10 ปีสหรัฐฯ กลับปรับตัวลงแรงหลุดต่ำกว่า 4% เนื่องจาก NY Community Bancorp ประกาศผลขาดทุนใน 4Q23 ผิดคาด และลดการจ่ายปันผล ทำให้ตลาดเริ่มมีความกังวลและต้องจับตามากขึ้นในประเด็น Regional Bank ของสหรัฐฯ ว่าจะมีปัญหาเพิ่มเติมหรือไม่ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับร่วงแรงกลับมากดดันกลุ่มพลังงาน ส่วนธปท.มีแนวโน้มปรับลดประมาณการ GDP ปี 2023-24 ลงสะท้อนเศรษฐกิจไทยที่โตช้า ทำให้ระยะสั้นตลาดฟื้นตัวได้จำกัดและยังมีความเสี่ยงปรับลงต่อ จากทิศทางกำไรบจ.ที่อาจโตช้ากว่าคาดเช่นกัน ซึ่งต้องติดตามการปรับปรับประมาณการกำไรปี 2024 หลังประกาศงบ 4Q23 ระยะกลาง-ยาวเรายังมองจังหวะปรับลงของดัชนีเป็นโอกาสในการทยอยสะสมเพื่อถือลงทุน ส่วนระยะสั้นเน้นเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรแข็งแกร่งและมีประเด็นบวกเฉพาะตัว

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่โมเมนตัมกำไร 4Q23-2024 แข็งแกร่งและ PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid

หุ้นเด่นเดือน ก.พ.:  CPALL, ITEL, MINT, PR9, TU

หุ้นเด่นวันนี้ : GPSC

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 59 บาท
  • คาดกำไรปกติ 4Q23 ที่ระดับราว 550-600 ลบ.หดตัวแรง q-q จากนโยบายลดค่าไฟเหลือ 3.99 บาท/หน่วย ลูกค้าปิดซ่อมบำรุงและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากไซยะบุรีที่ลดลง แต่สามารถพลิกจากขาดทุนได้ใน 4Q22 จบปี 2023 คาดกำไรที่ 3.8 พันลบ.
  • เราคาดว่าผลการดำเนินงานปี 2024 จะฟื้นตัวขึ้นจากแนวโน้มค่าไฟที่ทยอยขยับขึ้น รวมถึงการเร่งผลิตก๊าซในอ่าวไทยที่จะช่วยให้ต้นทุนลดลง เราคาดกำไรปี 2024 ที่ 4.9 พันลบ. +30% у-у
  • แนวรับ 48//46 บาท แนวต้าน 50.50//51.50-52 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกจากภูมิภาคสุทธิ US$321 ล้าน โดยกระจุกตัวที่ไต้หวัน US$402 ล้าน ส่วนเกาหลีใต้ทรงตัว ด้านตลาดอาเซียนเม็ดเงินผสมผสานไหลเข้าอินโดนีเซียหนาแน่น US$96 ล้าน แต่ยังไหลออกจากไทย US$27 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่าจะอยู่ในทิศทางไหลออกหลังสินทรัพย์เสี่ยงเผชิญแรงขายหลังประธาน FED ส่งสัญญาณว่าการปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มี.ค. ไม่น่าจะเกิดขึ้น

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) กลยุทธ์การลงทุนเดือน ก.ค. ตลาดลดความน่าจะเป็นของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย FED หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดี ในขณะที่ปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ ส่วนกนง. อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเร็วขึ้น หากตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจใน 4Q23-1Q24 ยังต่ำกว่าคาดอย่างต่อเนื่อง และไม่มีมาตรการเงินดิจิตอล การปรับประมาณการกำไรปี 2024 เป็นปัจจัยสำคัญ เราคงเป้า SET ของเราไว้ที่ 1,520 โดย Top Pick เดือน ก.พ. ได้แก่ CPALL ITEL MINT PR9 และ TU

(+) AP คาดกำไร 4Q23 +14% y-y แต่ -23% q-q จาก SG&A สูง และยอดโอนคอนโดลดลง เนื่องจากไม่มีโครงการใหม่ ทำให้จบปี 2023 ทำ New High ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 ที่ 6 พันลบ. เรายังคงคาดกำไรปี 2024 ที่ 6.4 พันลบ. +3% y-y ขับเคลื่อนจากการรับรู้ Backlog ยกจากสิ้นปี 2023 ที่รอรับรู้ในปีนี้ 1.6 หมื่นลบ. ซึ่ง Secured คาดการณ์ยอดโอนเราแล้ว 37% บวกกับมีคอนโดสร้างเสร็จใหม่ 3 แห่งใน 1H24 ขณะที่เบื้องตันเราคาดว่าการเปิดโครงการใหม่ปีนี้อาจลดลงเป็น 5-6 หมื่นลบ. แต่จะเน้นขายสต็อก และคาดปันผลงวดปี 2023 ที่ 0.70 บาท/หุ้น Yield 6.4% (จ่ายปีละครั้ง) โดยสถิติ 3 ปีก่อนหน้า นับตั้งแต่เดือนก.พ.ถึงก่อนขึ้น XD ต้นพ.ค. ราคาหุ้น AP ปรับขึ้นเฉลี่ย 10% ราคาเป้าหมาย 14.40 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) SPALI เผยแผนธุรกิจเชิงรุกในปี 2024 ทำ New High ในทุกมิติ ผ่านแผนเปิดโครงการใหม่ 42 โครงการ มูลค่ารวม 5 หมื่นลบ. +69% y-y (รวมโครงการที่ถูกเลื่อนมาจาก 4Q23 ราว 9 พันลบ.) โดยเป็นแนวราบ 38 โครงการ มูลค่า 4.35 หมื่นลบ. +86% y-y ส่วนคอนโด เปิดตัว 4 โครงการใหม่มูลค่า 6.5 พันลบ. เพื่อเติม Backlog ปี 2025-26 ที่มีไม่มาก แนวโน้มปี 2024 เรามองว่าเป้าบริษัทมีความท้าทายจากสภาพตลาดอสังหาฯ ที่ไม่แน่นอน ท่ามกลางการแข่งขันสูงและความเข้มงวดจากธนาคาร โดยคงคาดยอดโอนที่ 3.4 หมื่นลบ. ต่ำกว่าเป้าบริษัท 7% ซึ่งมี Backlog รอรับรู้ 1.35 หมื่นลบ. รองรับแล้ว 40% คงคาดกำไรปี 2024 +14% y-y และราคาเป้าหมาย 24 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(0) TFG คาดขาดทุนสุทธิ 4Q23 ที่ 522 ลบ. แย่ลงจาก 3Q23 ซึ่งจะเป็นจุดต่ำสุดของปี 2023 เนื่องจากราคาเนื้อสัตว์ที่ยังปรับลงทั้งราคาหมูไทยและเวียดนาม ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าต้นทุนการเลี้ยงอยู่ในระดับต่ำเพียง 4-5% ยังไม่สามารถครอบคลุม SG&A to sales ได้ อย่างไรก็ดี มีโอกาสที่ 1Q24 จะพลิกมีกำไรได้เร็วกว่ากลุ่มหมู หลังหมูเวียดนามฟื้นตัวดี และลุ้นหมูไทยพลิกมีกำไร หากราคายืนได้ดีในช่วงตรุษจีนเป็นต้นไป จาก 4Q23 ที่อาจขาดทุนมากกว่าคาด เราได้ปรับลดผลการดำเนินงานปี 2023 เป็นขาดทุนสุทธิ 473 ลบ. แต่คงคาดกำไรสุทธิปี 2024 ที่ 2 พันลบ. และราคาเป้าหมาย 4 บาท ยังแนะนำ “ถือ”

(+) ILINK คาดกำไร 4Q23 ที่ 125 ลบ. -20% q-q, +3% y-y จากรายได้ที่ลดลงตามฤดูกาล ปี 2023 เป็นที่ดีมากของ ILINK ขับเคลื่อนโดยธุรกิจ Distribution และ Engineer แม้กำไรสุทธิ 4Q23 จะชะลอ แต่กำไรทั้งปีดีกว่าที่เคยคาด โดยน่าจะทำ new high ที่ 528 ล้านบาท +38% y-y จากอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจ Distribution และ Engineering ของ ILINK ที่สูงกว่าที่เคยคาด เราปรับประมาณการกำไรปี 2023 ขึ้น 4% ขณะที่ปี 2024 กลับสู่ระดับปกติ แรงขับเคลื่อนในปี 2024 จะเป็น ITEL แทน ปรับราคาเป้าหมายลงเล็กน้อยเป็น 9.50 บาท Div. yield 5% ยังคงแนะนำ “ซื้อ”

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 317.01 จุด หรือ -0.82% ปิดที่ 38,150.30 จุด หลังจากเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด แต่เฟดส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่าจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค.

(0) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดทรงตัว โดยการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีกดดันตลาดและบดบังปัจจัยบวกจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนบางแห่ง

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ หลังประธานเฟด ส่งสัญญาณไม่หั่นดอกเบี้ยลงในเดือน มี.ค. 2024

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 35.57 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.55%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 1.97 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 75.85ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลกเปิดเผยว่า ภาคการผลิตของจีนหดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมันในจีน นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นอยู่ที่ระดับ 76.02 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.22%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 16.50 ดอลลาร์ หรือ 0.80% ปิดที่ 2,067.40ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของเฟด โดยตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการซื้อขาย ก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงมติการประชุม ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นที่ระดับ 2,058.20 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -0.45%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 851.15/ -0.20%

- Advertisement -