Daily Focus: Positive Momentum after Break 1,400

2024 SET Target : 1520 

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องและแข็งแกร่งกว่าที่คาดเล็กน้อย ปิดบวกอีก 8.86 จุด และกลับมาปิดเหนือระดับ 1,400 จุดได้อีกครั้ง มูลค่าการซื้อขายยังค่อนข้างหนาแน่นที่ 5.1หมื่นลบ. หุ้นขนาดใหญ่อย่าง BDMS ADVANC AOT และกลุ่มธนาคาร ยังคงหนุนตลาด ส่วนกลุ่มที่ปรับลงคืออิเล็กทรอนิกส์ สถาบันในประเทศยังขายสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องอีก 966 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันอีก 3.4 พันลบ. (และ Long Index Futures อีก 1.1 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index มีลุ้นฟื้นตัวต่อเนื่องหลังทะลุผ่านแนวจิตวิทยาที่ 1,400 จุด โดยประเมินกรอบแกว่งวันนี้ 1,398-1,410 จุด ได้ Sentiment บวกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ทำ New High และเม็ดเงินที่ยังไหลเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยง หุ้นกลุ่มเทคได้แรงหนุนจากงบ Nvidia ที่ดีกว่าคาด ด้านตัวเลขเศรษฐกิจจะออกมามากขึ้นในสัปดาห์ทั้ง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน GDP 4Q23 คาดการณ์ครั้งที่ 2 และโดยเฉพาะเงินเฟ้อ PCE เดือน ม.ค. ของสหรัฐฯ ซึ่งต้องติดตามว่าจะสูงกว่าคาดตาม CPI หรือไม่ ขณะที่เจ้าหน้าที่ FED หลายท่านยังคงออกมาให้ความเห็นต่อการลดดอกเบี้ยที่เร็วเกินไปจะทำให้มีความเสี่ยงเกิดขึ้น ทำให้ Bond Yield ยังคงทรงตัวในระดับสูง 4.33% โดยล่าสุดตลาดคาด FED จะเริ่มลดดอกเบี้ยเดือน มิ.ย. แต่ความน่าจะเป็นอยู่ที่ 52% ซึ่งยังไม่แน่นอน ส่วนปัจจัยในประเทศ ยังคงจับตาช่วงโค้งสุดท้ายของการประกาศกำไร 4Q23 ของบจ. ซึ่งเบื้องต้นโดยรวมออกมาต่ำกว่าคาดและเริ่มเห็นการปรับลดประมาณการปี 2024 ลง โดยเราจะมีการทบทวน SET Target อีกครั้งสิ้นเดือนนี้ อย่างไรก็ตามจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ผ่านจุดต่ำสุดในปี 2023 ไปแล้วและทยอยเร่งตัวขึ้นในปี 2024 โดยเฉพาะใน 2H24 หลังงบประมาณประจำปี 2024 คาดว่าจะผ่านสภาฯได้ใน 2024 ทำให้เรายังมองดัชนีที่ระดับ 1,350-1,360+/- จุด ยังน่าสนใจในการทยอยสะสมระยะกลาง-ยาว ส่วนระยะสั้นยังเน้นเลือกลงทุนเป็นรายตัวที่มีปัจจัยบวกและแนวโน้มกำไรปีนี้แข็งแกร่ง

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่โมเมนตัมกำไร 4Q23-2024 แข็งแกร่งและ PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid หุ้นเด่นเดือน ก.พ.: CPALL, ITEL, MINT, PR9, TU

FSSIA Portfolio: AOT, BCH, CPALL, CPN, GPSC, MINT, NSL, SJWD, and TIDLOR

หุ้นเด่นวันนี้ : AAV

  • แนะนำ “‘ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 2.80 บาท
  • กำไรปกติ 4Q23 ออกมาที่ 410 ลบ. +151% q-q, +144% y-y ดีกว่าที่เราคาด จาก operating profit margin ดีกว่าคาด หากไม่รวมกำไรจาก FX gain จะมีกำไรสุทธิ 2.8 พันลบ. จบปี 2023 พลิกมีกำไรปกติ 0.1 พันลบ.
  • แนวโน้ม 1Q24 โมเมนตัมการเติบโตของกำไรยังดีต่อเนื่องจาก Peak Season หนุนค่าตั๋วที่เพิ่มขึ้นรวมถึงผู้โดยสารที่เป็นชาวจีนที่ฟื้นตัว คงประมาณการกำไรปกติปี 2024 ที่ 1.4 พันลบ. เติบโตก้าวกระโดด
  • แนวรับ 2.20 บาท แนวต้าน 2.36//2.50 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคสุทธิ US$644 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$413 ล้านและ US$187 ล้าน ตามลำดับ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้แรงหนุนจากกำไร Nvidia ที่ดีกว่าคาด ส่วนอาเซียนยังคงไหลเข้าไทยต่อเนื่องอีก US$95 ล้าน แต่ไหลออกจากเวียดนามและ อินโดนีเซีย แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลเข้าหลังตลาดหุ้นสหรัฐฯพุ่งทำ New High ทำให้เม็ดเงินระยะสั้นคาดว่ายังไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงต่อเนื่องป

ระเด็นสำคัญวันนี้

(+) MEGA กำไรสุทธิปกติ 4Q23 ที่ 473 ลบ. -12% 9-9,+18% y-y รายได้และกำไรปกติทำ new high แต่กำไรทั้งปี 2023 ตามคาด แนวโน้มเรายังคงกังวลต่อการเติบโตของรายได้เนื่องจากสถานะการในพม่ายังไม่ปกติ และภาวะการแข่งขันที่สูง ค่าใช้จ่ายในการบริโภคชะลอตัวในหลายประเทศ ยุคการเติบโตในช่วงโควิดจบไปแล้ว เรายังคงประมาณการกำไรปี 2024-26 เติบโตเฉลี่ยปีละ 5-6% คงราคาเป้าหมาย 56 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(0) SAFE กำไรสุทธิ 4Q23 ที่ 53 ลบ. -12% 9-9, +94% y-y ต่ำกว่าที่เราคาดเล็กน้อยโดยรายได้รวม 4Q23 ลดลงตามจำนวนรอบของการเก็บไข่ ส่วนรายได้จากการตรวจคัดกรองพันธุรกรรมตัวอ่อนปรับขึ้น +44% y-y จบปี 2023 มีกำไรสุทธิ 202 ลบ. +25% y-y แนวโน้ม 1Q24 ดีต่อเนื่อง คงคาดกำไรสุทธิปี 2024 +39% y-y ราคาเป้าหมาย 25 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(-) JPARK กำไรสุทธิ 4Q23 ที่ 13 ลบ. -43% q-q, -37% y-y ต่ำกว่าที่เราคาด เป็นเพราะโครงการรับติดตั้งระบบบริหารจัดการพื่นที่จอดรถที่จอดรถแล้วจรของรฟม. เกิดความล่าช้าและเลื่อนการส่งมอบไป 1Q24 ทำให้มีการรับรู้รายได้น้อยกว่าที่เราคาดไว้มาก จบปี 2023 มีกำไรสุทธิ 63 ลบ. +13% y-y ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ 11% อย่างไรก็ดีเราอยู่ระหว่างการทบทวนประมาณการปี 2024 ใหม่อีกครั้งหลังประชุมนักวิเคราะห์ ราคาเป้าหมาย 7.20 บาท ยังแนะนำ “ถือ”

(-) COM7 กำไรสุทธิ 4Q23 ที่ 668 ลบ. +9% q-q, -27% y-y ต่ำกว่าเราคาดและตลาดคาด 26-28% จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าคาด ขณะที่รายได้รวม +6% y-y เติบโตในอัตราที่ลดลง จบปี 2023 มีกำไรสุทธิ 2.86 ลบ. +5.9% y-y แนวโน้ม 1Q24 น่าจะเติบโต q-q จาก E-receipts และการเปิดตัวสินค้า IT ใหม่ เราอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการใหม่

(0) BA ขาดจากการดำเนินงานปกติ 4Q23 ที่ 332 ลบ. มากกว่าที่เราคาดจะขาดทุน 200 ลบ. เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายโบนัสพนังงานและค่าซ่อมบำรุงเครื่องบินที่สูงกว่าที่เราคาด อย่างไรก็ตามมีปัจจัยบวก คือ รายได้รวม +20% y-y ดีกว่าที่เราคาด 5% จากค่าตั๋วที่ดีกว่าคาดรายได้จากผู้โดยสารโดยรวมฟื้นตัว และรายได้จากธุรกิจสนามบินที่เพิ่มขึ้นบริษัทประกาศจ่ายปันผล 0.5 บาท/หุ้น XD 6 มี.ค. นี้ ยังคาดกำไร 1Q24 ดีต่อเนื่อง จากปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น คงราคาเป้าหมาย 22 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(0) BH กำไรปกติ 4023 ที่ 1.7 พันลบ. +9% y-y, -13% q-q ตามตลาดคาด รายได้รวมเพิ่มขึ้น 9% y-y หลักๆ มาจากผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้น 12% Y-Y และสูงเกินระดับก่อนโควิด 41% จบปี 2023 มีกำไรปกติ 6.9 พันลบ.+40% y-y แนวโน้มกำไร 1Q24 ยังดีต่อเนื่อง จากผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้นจากช่วง 4Q23 และมีโอกาสที่กำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่ใน 1Q24 ราคาเป้าหมาย 300 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 456.87 จุด หรือ +1.18% ปิดที่ 39,069.11 จุด โดยดาวโจนส์ และ S&P500 ปิดทำนิวไฮ โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้น Growth Stocks และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจาก Nvidia ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด

(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลังอินวิเดีย บริษัทชิปรายใหญ่ของสหรัฐรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งและแนวโน้มที่สดใส ขณะที่ ECB คลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ

(+) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวก สอดคล้องกับตลาดในภูมิภาคอื่น ขณะที่นักลงทุนยังจับตามองรายงานข้อมูลดัชนีราคาอสังหาของจีนในวันนี้

(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 35.95 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.18%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 70 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 78.61 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดยังคงได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง อาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน อย่างไรก็ดี การพุ่งขึ้นอย่างมากของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐส่ งผลให้ราคาน้ำมันลดช่วงบวก ในขณะที่เช้านี้ปรับลงอยู่ที่ระดับ 78.27 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.43%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 3.60 ดอลลาร์ หรือ 0.18% ปิดที่ 2,030.70 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์ ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานและเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง และอาจ ส่งผลให้เฟด ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นที่ระดับ 2,036.10 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ +0.27%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 829.82/ -0.76%

- Advertisement -