บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

CK Power (CKP.BK/CKP TB)*

เหมือนได้เกิดใหม่ !

Event

ปรับเพิ่มประมาณการกำไร อัพเดตธุรกิจ และประมาณการ 1Q67F

Impact 

ตอกย้ำถึงโอกาสเกิดสภาวะ La Niña

เรายังคงเห็นความเป็นไปได้สูงขึ้นต่อเนื่องสำหรับการเกิด La Niña ใน 2H67 ราว 65-75% ในเดือน ส.ค. – พ.ย.67 (เทียบกับ 55-65% จากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้) ในระยะสั้นถึงแม้ความน่าจะเป็นที่ จะเกิด El Niño สูงขึ้นในเดือนมี..67 แต่แบบจำลองสากลทุกแห่งชี้ว่ามีโอกาสที่จะกลับมามีสถานะเป็น Neutral ช่วง เม.ย.- ก.ค.67 ก่อนที่จะเกิดภาวะ La Niña นับตั้งแต่เดือน ก.ค.67 ดังนั้นผลกระทบเชิงลบ น่าจะค่อย ๆ ลดลงหลังกระแสน้ำและปริมาณฝนตกเพิ่มขึ้น (โดยเฉพาะใน 2H67) นอกจากนี้ เนื่องจากเกิด El Niño ในปี 2566 เราจึงได้รู้ว่าโครงการหลวงพระบาง (730MWe, SCOD: 2573) เดินหน้าได้เร็วขึ้น ถึง 3 เดือนโดยก่อสร้างเสร็จไปแล้วราว 26% ในเดือน ก.พ.67 จากการ site visit ที่เราไปมาล่าสุด

การถูกปรับลดเรตติ้งหุ้นกู้ของ CKP ไม่น่าส่งผลกระทบมากนัก

เราเชื่อว่าการที่บริษัทริเรตติ้งปรับลดเรตติ้งหุ้นกู้ CKP ลงเป็น “BBB+” จากเดิม “A-” ไม่น่าจะมีนัยยะมากนัก จากความกังวลต่อสัดส่วนหนี้สิน/EBITDA ของ CKP ซึ่งคาดจะสูงกว่าหรือเท่ากับ 5x ในปี 2567-2569 บางคนคาดว่าต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายอาจสูงขึ้น 25-50bps สำหรับหุ้นกู้ชุดใหม่ แต่ทั้งนี้หาก CKP จ่ายคืนหุ้นกู้โครงการ NN2 และ BIC1-2 ปี 2567-2568 แล้ว เรตติ้งน่าจะได้รับการปรับกลับมาที่เดิมอีกครั้ง ทั้งนี้ช่วงปลายเดือน เม.ย. 67 CKP กำลังจะออกหุ้นกู้ (ราว 4 พันลบ.) ระยะเวลา 3-10 ปี ด้วยดอกเบี้ย ราว 3.2-4.1% ซึ่งต่ำกว่าชุดหุ้นกู้ปี 2566 ราว 66-151bps ซึ่งอาจช่วยให้ต้นทุนเงินกู้ของ CKP ต่ำลงได้ระดับหนึ่ง (จากเฉลี่ยอยู่ที่ 3.76% ปี 2566) นอกจากนี้เราให้น้ำหนักมากถึงความเป็นไปได้ที่ FED จะลดอัตราดอกเบี้ยลงในปี 2567 ทั้งนี้ อัตราดอกบี้ที่ลดทุก 25bps จะทำให้กำไร CKP เพิ่ม 90-95 ลบ./ปี

ปรับเพิ่มกำไรสุทธิปี 2567-69F ขึ้น 10-15% และประมาณกำไร 1Q67F

การปรับเพิ่มกำไรของเราสะท้อน capacity factor ของ XPCL เพิ่มขึ้นเป็น 67-68% (จาก 60-65%) และ ของ NN2 ที่เพิ่มขึ้นเป็น 33-35% (จาก 32-33%) หลังจากการปรับขึ้นแล้วกำไรสุทธิปี 2567-69F คาดจะ เติบโต 26%/19%/10% YoY บนสมมติฐานที่ปริมาณน้ำเข้ามามากขึ้นตามโอกาสเกิด La Niña ทั้งนี้ใน วันที่ 10 พ.ค. เราคาดว่า CKP จะรายงานงบ 1Q67 ด้วยผลขาดทุนสุทธิที่ 113 ล้านบาท (N.A. QoQ และ -8% YoY) และขาดทุนหลักอยู่ที่ 135 ล้านบาท (N.A. QoQ และ -29% YoY) (ไม่รวมกำไร FX) ผลขาดทุน สุทธิที่เพิ่มขึ้น YoY จะเป็นเพราะผลการดำเนินงานที่แย่ลงและต้นทุนดอกเบี้ยที่เพิ่มของ XPCL ขณะที่ การลดลง QoQ คาดเป็นเพราะ low season ของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ โดยทั้ง XPCL และ NN2 น่าจะมี ปริมาณผลิตไฟที่ 1,067GWh (-43% QoQ และ -16% YoY) และ 375GWh (-15% QoQ แต่ +18% YoY)

Valuation & Action

เรายังแนะนำซื้อ พร้อมปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย DCF ขึ้นเป็น 5.00 บาท จากเดิม 4.36 บาท CKP กำลังอยู่ในวัฎจักรการปรับเพิ่มกำไรจากตลาดตามความน่าจะเป็นมากขึ้นที่จะเกิด La Niña และวัฎจักรดอกเบี้ย ขาขึ้นที่จบรอบแล้วโดยเฉพาะใน 2H67 ตามที่เราได้แนะกลยุทธ์ลงทุน “ซื้อรอล่วงหน้าได้เลย” ในบทวิเคราะห์ก่อนหน้า (วันที่ 24 มกราคม 2567)

Risks

ปิดซ่อมบำรุงนอกแผน, ปัญหา cost overrun และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ย

- Advertisement -