บล.ฟินันเซีย ไซรัส

AEON THANA SINSAP (THAILAND) (AEONTS TB)

ได้เวลาเร่งล้างหนี้ด้อยคุณภาพ

  • เราคาดว่ากำไร 4QFY23 จะพื้นตัวท่ามกลางการเติบโตของกำไรปกติที่อ่อนแอ เรามีมุมมองเป็นกลางต่อความพยายามในการลดหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL) และต้นทุนความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ (Credit costs) ของบริษัทฯ ด้วยนโยบายการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดน้อยลง อาจทำให้ผลขาดทุนทางเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) และการตกชั้นของ NPL เพิ่มขึ้นในอนาคต
  • คงคำแนะนำถือ หลังปรับลดราคาเป้าหมายปี FY24 ลงเหลือ 164 บาท

คาดกำไร 4QFY23 จะฟื้นตัวจาก ECL ที่ลดลง

เราคาดกำไรสุทธิ 4QFY23 ที่ 762 ลบ. (+7.9% q-q, +9.9% y-y) โดยคาดว่า ECL และ Credit costs ที่ลดลงจะช่วยชดเชยธุรกิจหลักที่ตกต่ำ นอกจากนี้เรายังคาดด้วยว่าสินเชื่อจะลดลง 3.5% q-q และ 3.6% y-y จากการตัดจำหน่ายหนี้เสียอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสินเชื่อบุคคลและบัตรเครดิต ในทางตรงกันข้ามสินเชื่อกลับโตในกลุ่มเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ (7% ของสินเชื่อรวม) กลุ่มที่มีสัดส่วนสำคัญอย่างสินเชื่อบุคคล (47%) และหนี้สินเชื่อบัตรเครดิต (46%) น่าจะโตต่ำในไตรมาสนี้ ในขณะที่เราคาดว่า Spread จะลดลงเหลือ 16.56% จากต้นทุนในการกู้ยืม (Cost of funds) ที่สูงขึ้นและผลตอบแทนสินเชื่อที่ลดลง

NPL จะลดลงแรง หลังการตัดจำหน่ายและการผ่อนคลายนโยบาย

เราคาดว่าสัดส่วน NPL จะลดลงค่อนข้างมากมาที่ 5.24% ใน 4QFY23 จาก 6.24% ใน 3QFY23 และ Credit costs จะลดลงเหลือ 7.68% จาก 8.10% นอกจากการตัดจำหน่ายหนี้เชิงรุกแล้ว AEONTS ยังเปิดเผยด้วยว่า 1) บริษัทฯ ได้ลด ECL ของสินเชื่อขั้นที่ 1 ลง 50-80bp จาก 5-6% ตั้งแต่ 4Q23 เนื่องจากบริษัทฯ ได้ศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคเป็นเวลามากกว่า 3 ปี หลังปรับใช้เกณฑ์ TFRS 9 และ 2) บริษัทฯ ตัดสินใจลดระยะเวลาในการปรับโครงสร้างสินเชื่อในขั้นที่ 3 เป็น 3 เดือนจาก 6 เดือนก่อนเลื่อนเป็นขั้นที่ 2 ในทางตรงกันข้ามสินเชื่อขั้นที่ 2 ก็น่าจะเพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นเราจึงคาดว่าสัดส่วนสำรองต่อหนี้ด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) จะลดลงเหลือ 157% จาก 162% ใน 3QFY23 หลังผลกระทบจากการตัดจำหน่ายเชิงรุก

ปรับลดประมาณการกำไรปี FY23-25 เพื่อสะท้อนแนวโน้มที่ไม่สดใส

เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี FY23-25 ลง 6% ต่อปี จากก่อนหน้าเพื่อสะท้อนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยสุทธิ (Non-NII) ที่คาดว่าจะลดลงและสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้ (Cost-to-income ratio) ที่คาดว่าจะสูงขึ้นซึ่งทำให้เราคาดว่ากำไรสุทธิ FY23 จะลดลงแรงถึง 23.3% y-y ก่อนปรับขึ้น 7.5% ในปี FY24 และ 7.1% ในปี FY25 ในส่วนของเป้าประมาณการปี FY24 ของบริษัทฯ ปัจจัยหนุนน่าจะมาจากการเติบโตของสินเชื่อที่ฟื้นตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสินเชื่อบุคคลและการเบิกเงินสดจากบัตรเครดิต

คงคำแนะนำถือ หลังปรับลดราคาเป้าหมายปี FY24 ลงเหลือ 164 บาท

เราคงคำแนะนำถือ ที่ราคาปัจจุบัน เราปรับลดราคาเป้าหมายปี FY24 ลงเหลือ 164 จาก 169 บาท (GGM) คิดเป็นค่า P/BV ได้ที่ 1.55x จาก 1.60x ภายใต้สมมติฐานค่า LT-ROE ที่ 12.3% (จาก 13.5%) และ COE ที่ 9.0% (จาก 9.6%)

- Advertisement -