Daily Focus: Earnings and Selective Play

2024 SET Target : 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways Up ได้ตามคาดหนุนโดยแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่และกระจายตัว โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 1,370 จุด ก่อนที่จะมีแรงขายออกมาทำให้ดัชนีลดช่วงบวกเหลือ 5.98 จุด ณ สิ้นวันที่ระดับ 1,367.95 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้นเป็น 4.5 หมื่นลบ. สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 1.6 พันลบ.และ 1 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Long Index Futures อีก 7.9 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะยังคงแกว่ง Sideways ในกรอบ 1,360-1,373 จุด ตอบรับผลการประชุม FED โดยรวมที่ไม่ได้ Hawkish กว่าคาด โดยคงดอกเบี้ยที่ 5.25-5.50% และจะลดวงเงิน QT จาก US$9.5 หมื่นล้านต่อเดือนเหลือ US$6 หมื่นล้านต่อเดือนในเดือน มิ.ย. อย่างไรก็ตามประธาน FED มองว่าการขึ้นดอกเบี้ยอีกไม่น่าจะเกิดขึ้น แต่จะคงดอกเบี้ยต่อเนื่องจนกว่าจะมีความมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อจะกลับสู่เป้า 2% ในระยะยาว โดยตลาดยังคงประเมินว่า FED จะลดดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในการประชุมเดือน ก.ย. โดยสัปดาห์นี้ยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามต่อเนื่อง คือ การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน เม.ย. ที่จะประกาศคืนวัน ศุกร์ ขณะที่ฝั่งปัจจัยในประเทศโฟกัสอยู่ที่ผลประกอบการ 1Q24 ของฝั่ง Real Sector ซึ่งจะทยอยประกาศหนาแน่นขึ้น โดยรวมคาดเห็นการเร่งตัวแรง q-q และทรงตัว Y-Y กลยุทธ์เราจึงเน้นเลือกหุ้นเป็นรายตัวที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว มีแนวโน้มกำไรโดดเด่นกว่าตลาดและกระทบจากความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกจำกัด เรายังมองกลุ่ม Domestic Play ยังน่าสนใจ โดยคาดได้อานิสงส์เชิงบวกจากทิศทางเศรษฐกิจไทยที่จะทยอยเร่งตัวใน 2Q24-2H24 ตามการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ การส่งออกและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว รวมถึงแรงหนุนจากนโยบาย Digital Wallet ปลายปี

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่แนวโน้มกำไร 1Q24 โดดเด่น // ส่วนที่สะสมไปแล้วบริเวณ 1,350+- ยังถือลงทุน

หุ้นเด่นเดือน พ.ค.: BDMS, CPALL, CPN, ITC, NSL, TU

FSSIA Portfolio: AOT, BDMS, CPALL, CPN, GPSC, NSL, SHR, SJWD, TIDLOR and TU

หุ้นเด่นวันนี้ : CHG

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 3.90 บาท
  • คาดกำไรปกติ 1Q24 ที่ 255 ลบ. +6% y-y หนุนจากรายได้ที่คาดโตแกร่ง หากไม่รวมขาดทุนจากโรงพยาบาล CHG แม่สอด จะมีกำไรปกติ 270-275 ลบ. +13-15% Y-Y
  • เราคาดรายได้จากคนไข้เงินสดที่เพิ่มขึ้นกว่า 17% อีกทั้งรายได้จากคนไข้ประกันสังคมคาดเพิ่มขึ้น 10-12% y-y จากจำนวนสมาชิกและอัตราการจ่ายที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ CHG แม่สอดยังขาดทุน ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับลงเล็กน้อย คงคาดกำไรปกติปี 2024 ที่ 1,300 ลบ. +24% y-y
  • แนวรับ 2.80-2.76 บาท แนวต้าน 3-3.10 บาท

Fund Flow : เมื่อวันอังคารที่ผ่านมากระแสเงินทุนในภูมิภาคผสมผสาน สุทธิแล้วไหลออกบางๆ US$49 ล้าน เม็ดเงินไหลออกกระจุกตัวที่ฟิลิปปินส์ US$287 ล้าน แต่ไหลเข้าเกาหลีใต้สูงสุด US$131 ล้าน ส่วนอินโดนีเซีย ไต้หวัน ไทย ไหลเข้าประเทศละ US$26-45 ล้าน โดยรอ จับตาการประชุม FED คืนวันพุธซึ่งตลาดส่วนใหญ่ปิดทำการ แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่า ยังค่อนไปในทางไหลออกหลัง FED ส่งสัญญาณตรึงดอกเบี้ยยาวจนกว่าจะมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะปรับลงสู่เป้า 2% ในระยะยาว

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) กลยุทธ์การลงทุนเดือน พ.ค. 24 เราประเมินโอกาสลดดอกเบี้ยของทั้ง FED และ กนง.จะน้อยลง โดยสหรัฐฯยังเผชิญกับเงินเฟ้อที่ปรับตัวลงช้ากว่าคาด ขณะที่กนง.ประเมินเศรษฐกิจไทยจะทยอยเร่งตัวและเงินเฟ้อจะกลับเข้าสู่กรอบในช่วงสิ้นปีนี้ โฟกัสขของตลาดในเดือนนี้คาด ว่าจะอยู่ที่การประกาศกำไร 1Q24 ของบจ.ซึ่งเราคาดว่าจะโตแรง q-q จากฐานต่ำใน 4Q23 และถือเป็นการเริ่มต้นปีที่ดี ส่วน ‘Sell in May’ คาดว่าไม่น่าเกิดขึ้นในปีนี้จากเศรษฐกิจไทยที่ทยอยเร่งตัว คง SET Target ที่ 1,470 จุด หุ้นเด่นเดือน พ.ค. ได้แก่ BDMS, CPALL, ITC, NSL, TU

(-) กลุ่มสินเชื่อรถบรรทุกและสินเชื่อจำนำรถยนต์ ธปท. ประกาศดัชนีราคารถยนต์มือสองเดือน มี.ค. 24 เท่ากับ 77.70 ลดลงต่อเนื่อง 3.4% m-m และ 20.6% y-y ทั้งนี้ธนาคารที่ได้รับผลกระทบจากราคารถยนต์นั่งมือสองที่ลดลงเรียงตามลำดับ ได้แก่ KKP TISCO TTB BAY และ SCB ส่วนกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกยังเป็น sentiment ลบในเดือน มี.ค.24 เรียงตามลำดับผลกระทบ ได้แก่ MICRO ASK THANI ขณะที่กลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนเรามีมุมมองเป็นลบน้อยกว่าเดิม ทั้งนี้ เราให้น้ำหนักกลุ่ม Bank น้อยกว่าตลาด Top pick ยังเป็น TTB และ KTB ส่วนกลุ่ม Finance เน้น selective buy และ TIDLOR ยังเป็นหุ้น top pick

(+) ICHI คาดกำไรปกติ 1Q24 ที่ 350 ลบ. +19% q-q, +58% y-y สูงสุดในรอบ 10 ปี ดีกว่าที่เราคาดไว้ก่อนหน้านี้ จากทั้งรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น แนวโน้ม 2Q24 ยังจะทำ record high เพราะเป็นช่วง High season และอากาศร้อน ซึ่งจะทำให้ปริมาณการขายเพิ่มขึ้นและอัตราการใช้กำลังผลิตสูงขึ้น อัตรากำไรขั้นตันดีขึ้น เรายังคงคาดกำไรปกติปี 2024 +7.4% y-y และราคาเป้าหมาย 21 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) ICHI คาดกำไรปกติ 1Q24 ที่ 350 ลบ. +19% q-q, +58% y-y สูงสุดในรอบ 10 ปี ดีกว่าที่เราคาดไว้ก่อนหน้านี้ จากทั้งรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น แนวโน้ม 2Q24 ยังจะทำ record high เพราะเป็นช่วง High season และอากาศร้อน ซึ่งจะทำให้ปริมาณการขายเพิ่มขึ้นและอัตราการใช้กำลังผลิตสูงขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น เรายังคงคาดกำไรปกติปี 2024 +7.4% y-y และราคาเป้าหมาย 21 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(0) MEGA คาดกำไรปกติ 1Q24 ที่ 564 ลบ. +3% y-y มาจากที่คาดว่ารายได้รวมเติบโต 1% y-y และอัตรากำไรขั้นดีขึ้นเล็กน้อย โดยกำไร 1Q24 คิดเป็น 23% ของประมาณการทั้งปี 2024 ของเรา เรายังคงคาดกำไรปกติปี 2024-26 เติบโต 5%/6%/5% หลังผลบวกที่ได้รับในช่วงโค วิดชะลอลง แม้กำไรโตต่ำแต่ MEGA เป็นผู้นำตลาด health และธุรกิจ Wellness ราคาเป้าหมาย 56 บาท Valuation ไม่แพงเทรด PE เพียง 14 เท่า ยังแนะนำ “ซื้อ”

(0) BAM คาดกำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 411 ลบ. -10.5% q-q ตามปัจจัยฤดูกาล แต่ +54.2% y-y โดยคาดรายได้จากธุรกิจบริหาร NPL จะปรับตัวลดลง q-q แต่เพิ่มขึ้น Y-y จากนโยบายในปี 2024 ที่เร่งเข้าเจรจากับลูกหนี้ เพื่อกระตุ้นยอดจัดเก็บ และรับรู้กำไรจาก NPL ได้เพิ่มขึ้น หลังมีหนี้กลุ่มที่ตัดต้นทุนได้ครบ เราคงคาดกำไรสุทธิปี 2024-26 และยังคงมุมมองเป็นลบต่อธุรกิจ Secured AMC ในปีนี้ และยังไม่รวมผลบวกจาก JV AMC กับ ธนาคารออมสิน ราคาเป้าหมาย 8.75 บาท ยัง “ถือ”

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 87.37 จุด หรือ +0.23% ปิดที่ 37,903.29 จุด หลังจากเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาดในการประชุมครั้งล่าสุด และนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดส่งสัญญาณว่า เฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นในเดือนมิ.ย. อย่างไรก็ดี การร่วงลงของหุ้นบริษัทผลิตชิปได้ฉุดดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทรถยนต์ชั้นนำในยุโรป

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ หลังเฟดประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หลังการประชุมในรอบที่ผ่านมา

(+) ค่าเงินบาทแข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 36.97 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.10%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 2.93 ดอลลาร์ หรือ 3.58% ปิดที่ 79.00 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอลง นอกจากนี้ ราคาน้ำมัน ยังปรับตัวลงหลังมีการคาดการณ์ว่าอิสราเอลและกลุ่มฮามาสอาจจะบรรลุข้อตกลงหยุดยิง ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 79.23 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.29%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 8.10 ดอลลาร์ หรือ 0.35% ปิดที่ 2,311.00 ดอลลาร์/ออนซ์ ก่อนที่นักลงทุนจะรู้ผลการประชุมของเฟด โดยตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงมติการประชุม ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 2,335.20 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +1.05%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 831.04/ -0.14%

- Advertisement -