Daily Focus: Earnings and Selective Play

2024 SET Target : 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นได้ตามคาด โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นกว่า 10 จุด ก่อนจะลดช่วงบวกเหลือ 6.45 จุด ณ สิ้นวัน ที่ระดับ 1,376.37 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น ขึ้นเป็น 4.2 หมื่นลบ. ตลาดปรับตัวขึ้นชดเชยที่ปิดทำการวันจันทร์และตอบรับตัวเลขภาคแรงงานสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้มีความหวังต่อการลดดอกเบี้ยของ FED มากขึ้น สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 538 ลบ.และ 1.8 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Long Index Futures ต่อเนื่อง และเร่งขึ้นเป็น 3.5 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways to Sideways Up ในกรอบ 1,370-1,385 จุด บรรยากาศการลงทุนโดยรวมแม้จะเป็นกลางหลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มทรงตัวชะลอความร้อนแรงจากวันก่อนหน้า ขณะที่โฟกัสตลาดคาดขยับไปที่สัปดาห์หน้ารอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ เดือน เม.ย. แต่จากโมเมนตัมกระแสเงินทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยที่เริ่มพลิกมาในช่วงบวก โดยเฉพาะในฝั่ง Index Futures คาดว่าจะเป็นปัจจัยหนุน ขณะที่ผลประกอบการ 1Q24 ของบจ.ที่เริ่มทยอยประกาศออกมาโดยรวมเท่าที่ประกาศออกมาค่อนไปในทางตามคาดถึงดีกว่าคาดเล็กน้อย โดยภาพรวมคาดโตแรง q-q และทรงตัว y-y ทำให้โมเมนตัมยังอยู่ในทิศทางบวกและคาดเร่งตัวในไตรมาสที่เหลือของปี ตามทิศทางเศรษฐกิจและคาดว่าประมาณการ EPS ปี 2024 ของเราที่ราว 91.50 บาท คาดว่าจะมี Downside จำกัดเราจึงยังคงมุมมองว่า SET Index น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในรอบที่ผ่านมา กลยุทธ์เราจึงเน้นถือลงทุนต่อเนื่องและเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว มีแนวโน้มกำไรโดดเด่นกว่าตลาด เรายังมองกลุ่ม Domestic Play ยังน่าสนใจ โดยคาดได้อานิสงส์เชิงบวกจากทิศทางเศรษฐกิจไทยที่จะทยอยเร่งตัวใน 2Q24-2H24 ตามการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ การส่งออกและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว รวมถึงแรงหนุนจากนโยบาย Digital Wallet ปลายปี

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่แนวโน้มกำไร 1Q24 โดดเด่น // ส่วนที่สะสมไปแล้วบริเวณ 1,350+- ยังถือลงทุน

หุ้นเด่นเดือน พ.ค.: BDMS, CPALL, ITC, NSL, TU

FSSIA Portfolio: AOT, BMS, CPALL, CPN, GPSC, NSL, SHR, SJWD, TIDLOR and TU

หุ้นเด่นวันนี้ : MTC

  • ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” ราคาเป้าหมายเป็น 50 บาท
  • กำไร 1Q24 ออกมาที่ 1.39 พันลบ. +3% q-q, +30% y-y ดีกว่าคาดเล็กน้อย 3-4% แม้ PPOP จะชะลอตัว q-q จากปัจจัยฤดูกาลและค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น แต่ชดเชยได้จาก Credit Cost ที่ปรับตัวลงขณะที่ NPL ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจาก 3.15% ในปี 2023 เหลือ 3.06% ใน 1Q24 ทำให้เราสบายใจมากขึ้นต่อคุณภาพสินทรัพย์
  • เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2024-26 ขึ้น 6-9% จากการปรับลด Credit Cost ลง ทำให้การเติบโตเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น +23% CAGR
  • แนวรับ 44.50//43 บาท แนวต้าน 46.75//48 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคต่อเนื่อง สุทธิแล้วหนาแน่นขึ้นเป็น US$1,223 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้และไต้หวัน US$905 ล้าน และ US$325 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนเม็ดเงินผสมผสานไหลเข้าไทยสูงสุด US$49 ล้าน แต่ไหลออกจากอินโดนีเซีย US$45 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่าจะชะลอตัวหลังจากไหลเข้าหนาแน่นในช่วงก่อนหน้า ขณะที่สัปดาห์นี้ไม่ค่อยมีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ ตลาดรอติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯสัปดาห์หน้า

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) TIDLOR กำไร 1Q24 ออกมาที่ 1.1 พันลบ. +23% q-q, +16% y-y ดีกว่าคาด 6% หนุนจาก PPOP ที่เติบโตค่อนข้างแข็งแรงตามสินเชื่อ ขณะที่สำรองปรับเริ่มลดลง q-q ด้านคุณภาพสินทรัพย์ NPL ยังขยับตัวขึ้นจาก 1.47% ในปี 2023 เป็น 1.63% ใน 1Q24 หลังหมดมาตรการช่วยเหลือ เรายังคงประมาณการกำไรปี 2024-26 โตเฉลี่ย +20% CAGR คงราคาเป้าหมาย 27บาท แนะนำ “ซื้อ”

(0) DOHOME กำไร 1Q24 ออกมาที่ 244 ลบ. +70% q-q, -5% y-y ใกล้เคียงคาด โดยการเติบโต q-q มาจากปัจจัยฤดูกาล ส่วน y-y ที่ลงสอดคล้องกับ SSSG ที่ยังติดลบแรง -9.8% จากการเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้า อย่างไรก็ตามยังชดเชยได้บางส่วนจาก Margin ที่ปรับตัวดีขึ้นแนวโน้ม 2Q24 ยังไม่สดใสนักจาก SSSG เดือน เม.ย. ที่ยังคงติดลบ 7-9% y-y ยังคงราคาเป้าหมาย 11.80 บาท แนะนำ “ถือ”

(+) AOT คาดกำไรปกติ 2QFY24 จะเติบโตแรงเป็น 5.9 พันลบ. +27% q-q, +207% y-y หนุนจากปริมาณผู้โดยสารระหว่างประเทศที่ฟื้นตัวแตะระดับ 83% เทียบกับ Pre-Covid รวมถึงรายได้สัมปทานที่ปรับตัวขึ้นจาก Minimum Guarantee ของ King Power ระยะยาวรันเวย์ที่ 3 และ SAT-1 จะหนุนจำนวนเที่ยวบินให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น เราเริ่มเห็น Upside ต่อประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้ที่ 36-37 ล้านคน (ปัจจุบันคาด 35 ล้านคน) ส่วนลูกหนี้การค้าที่คาดว่าจะเริ่มชะลอตัวลงใน 2Q-3QFY24 จะทำให้ตลาดลดความกังวลจากช่วงก่อนหน้า ยังคงราคาเป้าหมาย 75 บาท แนะนำ “‘ซื้อ” (กรรมการอิสระและประธานกรรมการตรวจสอบของ FINANSIA SYRUS ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ ของ AOT)

(+) SISB คาดกำไร 1Q24 เดินหน้า new high 213 ลบ. +1% q-q, +34% y-y หลังจากก้าวกระโดดตั้งแต่ 3Q23 จากการที่โรงเรียนเพิ่งเปิดเทอมใหม่เดือน ส.ค. 23 พร้อมสองโรงเรียนใหม่ทำให้ 3Q23 จำนวนนักเรียนเข้าใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 731 คน เชื่อว่านักเรียนจะเพิ่มสูงอีกครั้งใน 3Q24 เมื่อขึ้นเทอมการศึกษาใหม่ SISB นนทบุรีมีกำไรแล้วตั้งแต่ 4Q23 ส่วน SISB ระยองยังขาดทุน แต่น่าจะกำไรได้ใน 4Q24 คงประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย 42 บาทแนะนำ “ซื้ออ่อนตัว”

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 31.99 จุด หรือ +0.08% ปิดที่ 38,884.26 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 โดยตลาดยังคงได้ปัจจัยหนุนการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ อย่างไรก็ดี การร่วงลงของหุ้นวอลท์ ดิสนีย์ ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ลดช่วงบวกในระหว่างวัน

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทในกลุ่มการเงิน และความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดทรงตัว ใกล้เคียงกับตลาดสหรัฐฯ นักลงทุนจับตาผลการดำเนินงานของกลุ่มยานยนต์ญี่ปุ่น อาทิ Toyota และ Mitsubishi

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 36.88 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.39%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 10 เซนต์ หรือ 0.13% ปิดที่ 78.38 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบจาก EIA ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 78.28 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.13%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 7 ดอลลาร์ หรือ 0.30% ปิดที่ 2,324.20 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยกดดันตลาด ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสัญญาณต่าง ๆ ที่จะบ่งชี้ถึงแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 2,321.30 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.12%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 830.47/ -0.21%

- Advertisement -