บล.พาย: 

TFM: Thai Union Feedmill PCL.

1Q24 กำไรดีมาก ทำให้ปรับทั้งปีขึ้นจากเดิม 34%

TM รายงานกำไรสุทธิงวด 1Q24 สูงถึง 104 ล้านบาท ถือเป็นกำไรรายไตรมาสที่สูงสุดนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 21 เป็นผลจากการปรับการขายสินค้าที่มีกำไรขันต้นสูงมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต นอกจากนี้ยังได้รับผู้ลดีจากบริษัทลูกที่อินโดนีเชียอย่าง TU-KL ที่มีผลประกอบการเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังมีการเข้าไปช่วยทำการตลาดตั้งแต่ช่วง 4Q23 ที่ผ่านมา จนทำให้การผลิตสูงกว่าจุดคุ้มทุนได้แล้ว ทั้งนี้แนวโน้มช่วง 2Q24 คาดว่ารายได้จะยังเห็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง หลังเริ่มเข้าสู่ฤดูเลี้ยงกุ้ง ขณะที่ TFM เอง ยังคงมองหาการขายอาหารปลาเพิ่ม ขยายสินค้าให้มากขึ้นจากปัจจุบันที่มีสินค้าหลักคือกุ้งและปลากระพง ทั้งนี้จากผลประกอบการที่ออกมาดี ทำให้เราปรับกำไรทั้งปีขึ้นจากเดิม 34% มาอยู่ที่ระดับ 332 ล้านบาท (+281%YoY)

1Q24 กำไรสุทธิ 104 ล้านบาท (+601%QoQ)

  • TFM มีกำไรสุทธิงวด 1Q24 สูงถึง 104 ล้านบาท พลิกจากที่ขาดทุน 28 ล้านบาทใน 1Q23 และเพิ่มขึ้น 601%QoQ มีปัจจัยบวกจากกำไร ขั้นต้นที่สูงถึง 16.1% หลังจากเริ่มเห็นผลดีของการปรับปรุงการผลิตโดยเน้นขายสินค้าที่มีกำไรขั้นต้นสูงมากขึ้น และการที่บริษัทที่อินโดนีเซียมียอดขายที่สูงกว่าจุดคุ้มทุนได้แล้ว และถือเป็นกำไรรายไตรมาสที่สูงสุดนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
  • รายได้ที่ 1,249 ล้านบาท (+8%YoY, -2%QoQ) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเป็นการเติบโตในส่วนของอาหารกุ้ง (+11%YoY) มาจากยอดขายในประเทศอินโดนีเซียที่มียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 126%YoY หลังจากลูกค้าให้การตอบรับสินค้าเป็นอย่างดี และอาหารปลา (+14%YoY) ยังคงเติบโตจากอาหารปลากระพงที่ดีขึ้นตามการท่องเที่ยว ส่วนการลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าสาเหตุหลักมาจากธุรกิจอาหารสัตว์บก (-13%QoQ) หลังยังคงลดสินค้าในกลุ่มที่มีกำไรต่ำออกไป
  • กำไรขั้นต้นที่ 16.1% ดีขึ้นจาก 4.1% ใน 1Q23 และ 9.7% ใน 4Q2 3สาเหตุมาจากธุรกิจที่อินโดนีเซียมียอดขายที่เกินกว่าจุดคุ้มทุนแล้ว (1Q24 ขายได้ 4,314 ตัน ขณะที่จุดคุ้มทุนอยู่ที่ระดับ 3,900 ตัน) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเป็น 98.1% จาก 93.1% ใน 1Q23 และการควบคุมต้นทุนที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ 106 ล้านบาท ทรงตัวจาก 4Q23 แต่เพิ่มขึ้น 12%YoY ส่วนหนึ่งเป็นผลจากค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่อินโดนีเซีย

2Q24 โตต่อหลังเข้าสู่ฤดูเลี้ยงกุ้ง

ภาพรวมในช่วงที่เหลือของปี คาดว่ายอดขายยังเห็นการเติบโตได้ในช่วงไตรมาส 2 และ 3 หลังจากเข้าสู่ฤดูเลี้ยงกุ้งของไทย รวมถึงความพยายามในการขยายสินค้าไปยังกลุ่มอาหารปลาน้ำจืดอื่นนอกเหนือจากปลากระพง อย่างเช่นกลุ่มปลาสวยงาม เป็นต้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำไรสูง อันจะเข้ามาชดเชยการลดการผลิตอาหารสัตว์บกที่มีกำไรขั้นต้นต่ำ นอกจากนี้ล่าสุด TFM ได้รับใบรับรองอาหารสัตว์น้ำของหน่วยงาน ASC ที่เป็นมาตรฐานด้านความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ทำให้มีโอกาสขายให้กับผู้เลี้ยงที่จะข้ายสินค้าที่มีความต้องการใบรับรองดังกล่าวได้ 1Q24 ออกมาดีทำให้ปรับกำไรขั้น 34% ด้วยกำไรในช่วง 1Q24 ที่คิดเป็นสัดส่วนกว่า 42% ของกำไรทั้งปีที่เราคาดไว้ ขณะที่แนวโน้มช่วง 2Q24 มีโอกาสออกมาดีกว่า 1Q24 ทำให้เราปรับกำไรทั้งปีขึ้นจากเดิม 34% มาอยู่ที่ 332 ล้านบาท (+281%YoY) จาก ปัจจัยบวกข้างต้น เราจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิม และประเมินมูลค่าเหมาะสมได้ใหม่ที่ 10.6 บาท (16XPER’24E)

- Advertisement -