Daily Focus: รอเลือกนายกฯใหม่คนที่ 31 พรุ่งนี้

2024 SET Target: 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัวในแดนบวกได้ค่อนข้างดี หนุนจาก Sentiment บวกจากฝั่งต่างประเทศ ก่อนที่จะพลิกปรับตัวลงในแดนลบ หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายกฯ พ้นจากตำแหน่ง โดยดัชนิปิดลบ 5.10 จุด ที่ระดับ 1,292.69 จุด มูลค่าการซื้อขาย 5.3 หมื่นลบ. สถาบันในประเทศพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้นหนาแน่น 2 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิต่อเนื่องอีก 438 ลบ. (และ Long Index Futures 1.92 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,280-1,300 จุดโดยปัจจัยการเมืองในประเทศยัง Overhang หลังศาลฯวินิจฉัยให้คุณเศรษฐาพันจากตำแหน่งนายกฯ ขณะที่ปัจจัยต่างประกาศเริ่มลดความร้อนแรงหลังเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯเดือน ก.ค.ออกมาตามคาด (Core +0.2% m-m, +3.2% y-y) โดยคืนนี้ติดตามยอดค้าปลีกเดือน ก.ค.และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจุบันตลาดคาด FED ลดดอกเบี้ยรวมทั้งสิ้น 4 ครั้งในปีนี้ ส่วนประเด็นการเมืองไทยต้องจับตาวันพรุ่งนี้ (16 ส.ค.) เวลา 10.00 น. ซึ่งสภาฯนัดประชุมเพื่อเลือกนายกฯคนที่ 31 ซึ่งข่าวล่าสุดระบุว่าพรรคเพื่อไทยจะส่งนายชัยเกษม นิติสิริเข้าชิงตำแหน่ง หากสภาฯมีมติเกินกึ่งหนึ่งให้เข้าดำรงตำแหน่ง เราคาดว่าภาพรวมปัจจัย Overhang จะผ่อนคลายขึ้นและหนุนให้ดัชนีฟื้นตัวได้บ้าง และรอการจัดตั้งครม.ชุดใหม่ ซึ่งข่าวระบุล่าสุดว่าจะยังคงโควต้าและเก้าอี้ตามชุดเดิม ทำให้นโยบายต่างๆมีแนวโน้มที่จะทยอยเดินหน้าต่อได้ รวมถึงงบประมาณปี 68 คาดว่ายังมีลุ้นอนุมัติได้ทันเดือน ก.ย. หรือล่าช้าไม่นาน ส่วนภาพรวมผลประกอบการบจ. 2Q24 ประกาศออกมาเกือบครบแล้ว โดยรวมไม่ได้ต่ำกว่าคาด ทำให้ประมาณการ EPS ปีนี้ที่ 90-91 บาท มี Downside ที่จำกัด หากปัจจัยการเมืองเริ่มนิ่ง คาดว่าจะหนุนให้ดัชนีฟื้นตัวได้ระยะกลาง-ยาว และมีแรงหนุนจากกองทุนวายุภักษ์ 1 ที่จะกลับมา

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นเป็นรายตัวที่มีแนวโน้มกำไร 2Q24 โดดเด่น // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้า ยังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ศ.ค.: BA, CHG, CPALL, ITC, MAGURO

FSSIA Portfolio: AOT, CHG, CPALL, CPN, GPSC, HANA, KCG, KTB, SHR, SJWD, TU

หุ้นเด่น Finansia 15 ส.ค. 24 : CPF

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 28 บาท
  • กำไรสุทธิ 2Q24 เท่ากับ 6.92 พันลบ. (+6x q-q, พลิกจากขาดทุน 792 ลบ.ใน 2Q23) หากไม่รวมรายการพิเศษจะมีกำไรปกติที่ 5.6 พันลบ. (+16x q-q, พลิกจากขาดทุน 3.8 พันลบ.ใน 2Q23) ดีกว่าคาดมาอย่างน่าประทับใจ จากการฟื้นตัวของราคาเนื้อสัตว์ ต้นทุนวัตถุดิบลดลง และส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมเร่งขึ้นทำ New High 
  • แนวโน้มกำไร 3Q24 ยังดูโตได้ต่อเนื่องจากราคาหมูจีนและไทยที่ยังปรับขึ้น รวมถึงการส่งออกไก่ที่ดี น่าจะหักล้างการอ่อนลงของราคาหมูเวียดนามได้ทั้งหมด เรายังคาดกำไรปกติปี 2024 ที่ 1.33 หมื่นลบ.
  • แนวรับ 23.60-23.50 บาท แนวต้าน 24.40//25//25.50 บาท 

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่นสุทธิ US$1,328 ล้าน ตอบรับ PPI สหรัฐฯที่ต่ำกว่าคาด เม็ดเงินไหลเข้านำโดยไต้หวัน US$894 ล้าน รองลงมาคือเกาหลีใต้ US$349 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลเข้าทุกประเทศสูงสุดที่อินโดนีเซีย US$37 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะชะลอการไหลเข้าหลัง CPI สหรัฐฯ ออกมาใกล้เคียงคาด ขณะที่คืนนี้จับตาตัวเลขยอดค้าปลีกและผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สหรัฐฯ

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) AOT กำไรปกติ 3QFY24 ที่ 4.62 พันลบ. -21% q-q แต่ +42% y-y หากรวมรายการด้อยค่าของสินทรัพย์มีกำไรสุทธิ 4.56 พันลบ. โดยรายได้เติบโตจากปริมาณผู้โดยสารทั้งในประเทศและต่างชาติเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 80% และ 90% ของระดับก่อนโควิด และรายได้จาก PSC เติบโตและรายได้จากสัปทานเพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าเสื่อมเพิ่มขึ้นจาก SAT-1 สุทธิแล้ว operating profit margin ดีขึ้นเป็น 38% สำหรับงวด 9MFY24 มีกำไรปกติ 1.52 หมื่นลูบ. คิดเป็น 79% ของประมาณการทั้งปีที่ 1.92 หมื่นลบ. คงราคาเป้าหมาย 65 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) HANA กำไรปกติ 2Q24 ที่ 487 ลบ. +38% q-q, -35% y-y ใกล้เคียงคาด ฟื้นตัวได้ดีรายได้รวม +6% q-q แต่ยังลดลง y-y เพราะฐานสูงปีก่อน อัตรากำไรขั้นต้นฟื้นได้ดี แนวโน้มกำไร 3Q24 จะฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง และคาดเป็นการเติบโตเร่งตัวขึ้น ตามการเติบโตของรายได้กลุ่ม Consumer และจะรับรู้การกลับรายการเงินลงทุนจาก Credit Suisse Supply Chain Finance Funds ราว 299 ลบ. ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2024 ที่ 2.1 พันลบ. +9% y-y และคงเป้าที่ 50 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) OSP กำไรปกติ 2Q24 ที่ 923 ลบ. +11% q-q, +68% y-y แข็งแกร่งตามคาด และทำนิวไฮในรอบ 13 ไตรมาส รายได้เติบโตจาก Personal care ที่โตแข็งแกร่ง รายได้ต่างประเทศยังทำนิวไฮต่อหนุนจากพม่าที่ Demand ยังแข็งแกร่ง อัตรากำไรขั้นต้นทำนิวไฮ SG&A to sales ลดลง แนวโน้มกำไรปกติ 2H24 น่าจะอ่อนตัวลงจาก 1H24 จากปัจจัยฤดูกาล เพราะเข้าสู่ช่วง Low season ของทั้งในไทยและพม่า คงประมาณการกำไรปกติปี 2024 +36% y-y และราคาเป้าหมาย 28 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) STA-STGT กำไรสุทธิ 2Q24 ฟื้นน่าประทับใจและดีกว่าที่ตลาดคาด โดย STA มีกำไรสุทธิ 628 ลบ. +5.7x y-y สูงสุดในรอบ 7 ไตรมาสดีทั้งธุรกิจยางธรรมชาติ และถุงมีอยาง (STGT) โดยปริมาณขายยางธรรมชาติเพิ่มขึ้น และราคาขายยางที่ปรับขึ้น รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับขึ้น ส่วน STGT มีกำไรสุทธิ 378 ลบ. +158% q-q, +25x y-y สูงสุดในรอบ 8 ไตรมาส จากราคาขายถุงมือปรับขึ้นดีกว่าคาดและสูงสุดในรอบ 7 ไตรมาส ซึ่งเพิ่มขึ้นได้มากกว่าต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับขึ้น ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นขยับขึ้น แต่ปริมาณการขายปรับลง

(+) GABLE กำไรปกติ 2Q24 ที่ 93 ลบ. +961% q-q, +55% y-y ดีกว่าคาดกว่า 30% กำไรปกติที่เพิ่มขึ้นมากเป็นผลมาจากรายได้ในกลุ่ม Enterprise solution ที่สูงเป็นประวัติการณ์ จากการรับรู้รายได้ของโครงการขนาดใหญ่ด้านฮาร์ดแวร์ รายได้ที่โตเร็ว แลกมาด้วยมาร์จินที่ต่ำลงกำไรปกติ 1H24 คิดเป็น 49% ของคาดการณ์ทั้งปี คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 5.50 บาท ประเด็นการเมืองปัจจุบันอาจเป็นลบกับกลุ่มที่ต้องอาศัยงานประมูลภาครัฐ เรามีโอกาสปรับลด Target P/E ในลำดับถัดไป

(-) MASTER กำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 88 ลบ. -18% q-q, +8% y-y ต่ำกว่าที่เราและตลาดคาด 23% มาจากค่าใช้จ่าย และค่าที่ปรึกษา one time รายได้และอัตรากำไรขั้นต้นของโรงพยาบาล Master อยู่ในระดับที่ดี ส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมลดลง คาดกำไร 2H24 จะเร่งตัวขึ้นกลับสู่ระดับที่ควรจะเป็นจาก High season ของการทำศัลยกรรม เริ่มรับรู้รายได้จาก IPD และคาดส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมขยับขึ้นจาก V Square แต่ด้วยกำไร 2Q24 ที่ต่ำกว่าคาด เบื้องต้นอาจปรับกำไรลงเหลือราว 520 ลบ. และจะปรับเป้าลงเป็น 52 บาท

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 242.75 จุด หรือ +0.61% ปิดที่ 40,008.39 จุด หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนี CPI ชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำกว่า 3% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นปี 2564 ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟด จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.

(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเดินทางและนันทนาการรวมถึงหุ้นกลุ่มการเงิน ขณะที่นักลงทุนขานรับการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ชะลอตัวของสหรัฐซึ่งจะสนับสนุนให้เฟด ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเร็วขึ้น

(+) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวก หลังรายงาน GDP ญี่ปุ่นที่สูงกว่าคาด รวมถึงมีแรงส่งจากตลาดหุ้นสหรัฐ ที่ปิดบวกได้เมื่อวานนี้

(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 35.08 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.21%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 1.37 ดอลลาร์ หรือ 1.75% ปิดที่ 76.98 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังปรับตัวลงหลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่าสถานการณ์ดึงเครียดในตะวันออกกลางอาจจะไม่ลุกลามจนส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในภูมิภาคดังกล่าว ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 77.15 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.22%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 28.10 ดอลลาร์ หรือ 1.12% ปิดที่ 2,479.70 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนี CPI ที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งทำให้นักลงทุนลดความคาดหวังที่ว่าเฟด จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือน ก.ย. ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 2,490.10 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ +0.42%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 845.76/ –

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

15 ส.ค.สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ก.ค)

จีน: ยอดค้าปลีก (ก.ค)

อังกฤษ: เงินเฟ้อ (ก.ค.)

16 ส.ค.อังกฤษ: ค้าปลีก (ก.ค.)

สหรัฐ: Building Permits Prel (ก.ค.)

19 ส.ค.ไทย: GDP growth (2Q24)
20 ส.ค.แคนนาดา: เงินเฟ้อ (ก.ค.)

จีน: Loan Prime Rate 1Y

22 ส.ค.สหรัฐ: FOMC Minutes
- Advertisement -