SET Index อาจโดนแรงเทขายจากประเด็นของ Nvidia และ ระมัดระวังแรงขายของกลุ่มอิเล็กทรอนิคส์วันนี้!
สรุปภาพรวมตลาด : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดในแดนลบ (ดัชนี DJIA -0.39% S&P500 -0.60% และ Nasdaq -1.12%) หลังได้รับแรงกดดันจากการเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี (-1.3%) จาก ผลประกอบการของ Nvidia
- แม้ว่ารายได้ (1.02 ล้านล้านบาท, +122%) และ กำไร (0.56 ล้านล้านบาท, +168%) ออกมาแข็งแกร่งกว่าที่ตลาดคาด แต่ตลาดตอบรับในเชิงลบ หลังตลาดเชื่อว่าการเติบโตในไตรมาสหน้าที่เริ่มชะลอตัวจากฐานที่เริ่มสูงขึ้น ส่งผลให้หุ้น Nvidia ร่วงลงประมาณ 7%
- สำหรับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวลดลง 1.1% หลัง EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์สหรัฐฯ ลดลงเพียง 8.5 แสนบาร์เรล ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล รวมถึงความกังวลต่ออุปสงค์เชื้อเพลิงที่ลดลงในจีน หลังตัวเลขทางเศรษฐกิจของจีนออกมาอ่อนแอ
- วันนี้ ติดตาม GDP 2Q24 สหรัฐฯ วันนี้ และตัวเลขดัชนี PCE เดือนก.ค. สหรัฐฯ ในวันพรุ่งนี้ (30 ส.ค.) เพื่อหาแนวโน้มที่ชัดเจนขึ้นต่อการประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด
SET Index : เราคาดว่า SET Index อาจโดนแรงเทขายจากประเด็นของ Nvidia และ ระมัดระวังแรงขายของกลุ่มอิเล็กทรอนิคส์วันนี้ มองกรอบ SET 1,350 – 1,375 จุด
ประเด็นที่ต้องติดตามในประเทศ
1) แนวโน้มการแจกเงินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตให้แก่กลุ่มเปราะบาง-คนพิการ 14.5 ล้านรายเป็นกลุ่มแรก ภายในเดือนก.ย. และ กลุ่มที่สอง 30 ล้านคน ในเดือนต.ค.
หุ้นแนะนำ
CRC : CRC มีรายได้จากการขายเติบโต 5.1% yoy เป็น 5.62 หมื่นล้านบาทใน 2Q24 ซึ่งหลักๆ แล้วเป็นผลมาจากการขยายสาขา นอกจากนี้ เราเชื่อว่า GPM ที่ทรงตัวและการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพของ CRC โดย SG&A เพิ่มขึ้น 3.7% yoy ใน 2Q24 แต่อัตราส่วน SG&A/รายได้ลดลง 20bp yoy เป็น 28.2% แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของบริษัท เราคาดว่า CRC จะมีกำไรสุทธิเติบโตแข็งแกร่งใน 2H24 (Take profit : 31.75 / Stop loss : 28.75)
ERW : การที่นักท่องเที่ยชาวต่างชาติเดินทางมาประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (+26% yoy ใน 2Q24 เป็น 8.1 ล้านคนตามข้อมูลของกรมการท่องเที่ยว) ในขณะที่อุตสาหกรรมโรงแรมมีอุปทานตึงตัวส่งผลให้รายได้ต่อห้องพัก (RevPAR) ของโรงแรมในเครือ ERW เพิ่มขึ้น 6% yoy เป็น 1,449 บาท/ห้อง/คืน เรายังแนะนำ “ซื้อ” ERW เพราะยังมองเชิงบวกต่ออุปสงค์การท่องเที่ยวในไทยและ RevPAR ของโรงแรมที่คาดจะเพิ่มขึ้นใน 2H24 (Take profit : 4.16 / Stop loss : 3.36)
Daily Global Market | 29 สิงหาคม 2024
In News:
- ตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนี S&P 500 ปิดลบเมื่อคืนนี้ การร่วงลงของหุ้น Nvidia นำไปสู่การปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ก่อนการเผยผลประกอบการรายไตรมาส
- เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.5% หลังอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวลง จำนวนผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์ลดลง 0.1% ขณะที่จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 1%
- ตลาดจับตามองดัชนี PCE ประจำเดือนกรกฎาคมที่จะเผยในวันศุกร์ โดยดัชนี PCE ทั่วไป คาดว่าปรับขึ้น 0.2% MoM และปรับตัวขึ้น 2.5% YoY ส่วนดัชนี Core PCE ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน คาดว่า จะขยับขึ้น 0.2% MoM และปรับตัวขึ้น 2.7% YoY
- ความเชื่อมั่นภาคครัวเรือนฝรั่งเศสพุ่งแตะสูงสุดนับแต่ต้นปี 2022 เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลงช่วยเพิ่มรายได้ที่แท้จริงแม้จะมีความท้าทายทางการเมืองและเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาว โดยยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการผลิตและการปรับเพิ่มภาษีที่อาจเกิดขึ้น
- องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจมาเลเซียจะขยายตัวในปีนี้และปีหน้าที่ 4.9% และ 4.7% ตามลำดับ ซึ่งการเติบโตส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในประเทศที่ขยายตัว ขณะที่การส่งออกมีแนวโน้มฟื้นตัวจากอุปสงค์ภายนอกประเทศที่แข็งแกร่งขึ้น
- ธนาคารโลกวางเป้าการเติบโต GDP เวียดนามปีนี้จะอยู่ที่ 6.5% ซึ่งปรับตัวขึ้นจากปีที่แล้วที่ 5.05% จากการฟื้นตัวเศรษฐกิจภายนอก และการลงทุนภาครัฐที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ธนาคารโลกยังกล่าวว่า เวียดนามมีการส่งออกที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ภาคอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัว อุปสงค์ในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นช่วง 2H2024 ขณะที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น
- ดัชนี CPI ออสเตรเลียประจำเดือนกรกฎาคมขยับบวก 3.5% YoY ซึ่งเหนือกว่าระดับคาดการณ์ที่ 3.4% ขณะที่เดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 3.8% การปรับตัวเดือนนี้ยังสูงกว่าเป้าหมายประจำปีของธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ที่ 2% – 3% การอ่านดังกล่าวกระตุ้นให้เกิดความกังวลว่า อัตราเงินเฟ้อที่เหนียวแน่นอาจกระตุ้นให้ RBA ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่ผู้กำหนดนโยบายเตือนถึงสถานการณ์ดังกล่าวเมื่อต้นเดือนสิงหาคม
- รายงานการประชุมครั้งล่าสุดของ RBA เปิดเผยว่า ธนาคารกลางได้พิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยเนื่องจากพยายามควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
Stock Movement:
- หุ้น Nvidia Corp. (NVDA ND) ร่วงลง 2.10% บริษัทผู้ผลิตชิปนำภาคเทคโนโลยีโดยรวมลดลง นักลงทุนระมัดระวังก่อนการเผยผลประกอบการ 2Q หลังตลาดปิด คาดว่า บริษัทจะรายงาน EPS ที่ USD 0.644 จากรายได้ USD 28.68 bn. โดยทั้งสองตัวเลขเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า
- หุ้น Nordstrom Inc. (JWN NYSE) พุ่งขึ้น 4.11% หลังจากร้านค้าปลีกเผยกำไรช่วง 2Q ที่เกินคาดการณ์ โดยได้รับการสนับสนุนจากงานขายครบรอบที่สำคัญ
- หุ้น PVH Corp. (PVH MYSE) ดิ่งลง 6.42% หลังจากยักษ์ใหญ่ด้านเสื้อผ้า ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์อย่าง Calvin Klein และ Tommy Hilfiger รายงานการลดลงของยอดขายช่วง 2Q
- หุ้น Bath & Body Works Inc. (BBWI NYSE) ลดลง 7.00% หลังร้านค้าปลีกตัดลดคาดการณ์ยอดขายประจำปี ซึ่งเป็นสัญญาณของความต้องการที่อ่อนตัวลงสำหรับผลิตภัณฑ์ราคาสูง เช่น น้ำหอมและเทียนหอมท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูง
- หุ้น Abercrombie & Fitch Co. (ANF NYSE) ปรับตัวลงอย่างรุนแรง 16.99% หลังจาก CEO เตือนถึงสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอนมากขึ้นจากสภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่เลวร้ายลง แม้ว่าบริษัทจะยกระดับการคาดการณ์ยอดขายประจำปีก็ตาม
- หุ้น Kohl’s Corp. (KSS NYSE) ขยับบวก 0.31% หลังจากห้างสรรพสินค้าปรับประมาณการกำไรประจำปีขึ้นหลังจากกำไร 2Q สูงเกินคาด ได้รับการสนับสนุนจากการควบคุมต้นทุนอย่างเข้มงวดและสินค้าคงคลังที่ลดลง
- หุ้น Apple Inc. (AAPL ND) ปิดลบ 0.68% บริษัทปลดพนักงานประมาณ 100 ตำแหน่งในกลุ่มบริการดิจิทัล ซึ่งเป็นการปรับลดตำแหน่งครั้งใหญ่ที่สุด ส่งผลกระทบต่อทีมที่รับผิดชอบ App Apple Books และ Apple Bookstore การเลิกจ้างยังรวมถึงตำแหน่งวิศวกรและทีมบริการอื่นๆ เช่นเดียวกับที่ดูแล Apple News
- หุ้น Volkswagen Group (VOW3 ETR) ขยับตัวลง 0.54% บริษัทกำลังดิ้นรนเพื่อบรรลุเป้าหมายการลดต้นทุนมูลค่า EUR 10 bn. แต่มีปัญหาต่างๆ เช่น ยอดขายต่ำและชิ้นส่วนขาดหายไป ทั้งนี้ ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของยุโรปประกาศรายละเอียดเมื่อธันวาคมปีที่แล้วเกี่ยวกับการลดต้นทุน โดยหวังว่าจะเพิ่มผลตอบแทนจากการขายสู่ระดับ 6.5% ภายในปี 2026 หรือเพิ่มขึ้นจาก 2.3% ในปีนี้
- หุ้น Prudential Plc. (PRU LON) ปรับตัวลง 0.72% ผลประกอบการ 1H2024 ของบริษัทแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในการบรรลุเป้าหมายในปี 2027 ซึ่งรวมถึงการเติบโตของกำไรธุรกิจใหม่ประจำปีที่ 15%-20% แม้ราคาหุ้นจะลดลง 26% ในปีนี้เนื่องจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความกังวลทางเศรษฐกิจในจีน นักวิเคราะห์ยังคงมั่นใจในศักยภาพของบริษัทในการเพิ่มอัตรากำไรและผลกำไรอย่างยั่งยืน
- หุ้น Elekta AB (EKTA-B STO) ขยับบวก 0.80% หลังจากผู้ผลิตอุปกรณ์ฉายรังสีสัญชาติสวีเดนรายงานผลประกอบการไตรมาสแรก
- หุ้น SenseTime Group Inc. (0020 HK) ร่วงลง 5.08% บริษัทรายงานการดำเนินงาน 1H2024 ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น 21% YoY สู่ Rmb 1.74 bn. รายได้จากธุรกิจ Generative AI เพิ่มขึ้น 256% สู่ระดับเกือบ Rmb 1.1 bn. หรือ 60% ของรายได้ทั้งหมด บริษัทลดการขาดทุนโดยรวมลงได้ Rmb 700 m. เมื่อเทียบปีก่อน และขยายพลังการประมวลผลอย่างมีนัยสำคัญ
- หุ้น BYD Co., Ltd. (1211 HK) ขยับตัวปิดลบ 1.82% EVP ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่า ตลาดต่างประเทศจะมีสัดส่วนยอดขายทั่วโลกมากขึ้นในอนาคต และเกือบครึ่งหนึ่งของยอดขายจะมาจากต่างประเทศ ทั้งนี้ ยอดขายในต่างประเทศคาดว่า จะแตะ 500 k. คันในปีนี้ และ 270 k. คันในช่วง 7 เดือนแรก คิดเป็นประมาณ 14% ของยอดขายรวม
- หุ้น Anta Sports Products Ltd. (2020 HK) ไต่ขึ้น 4.47% กำไร 1H2024 เหนือความคาดหมาย และผลตอบรับจากการซื้อหุ้นคืนมูลค่า Rmb 10 bn. เป็นไปในเชิงบวก Morgan Stanley เชื่อว่า การเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งและกระแสเงินสดอิสระจะช่วยสนับสนุนแผนการซื้อคืน ทั้งนี้ คาดว่า ราคาหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 15 วันข้างหน้า
- หุ้น Woolworths Group Ltd. (WOW ASX) ขยับบวก 3.27% หลังร้านขายของชำในออสเตรเลียประกาศจ่ายเงินปันผลพิเศษ พร้อมกล่าวว่า กำไรทั้งปีของบริษัทลดลงตามคาดของนักวิเคราะห์ เนื่องจากลดราคาเพื่อแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง Coles บริษัทเผยยอดขายรวมของกลุ่มร้านขายของชำสำหรับปีสิ้นสุดเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 3.7% สู่ระดับ AUD 67.92 bn.
- หุ้น Kelsian Group Ltd. (KLS ASX) ปรับเพิ่ม 1.26% หลังบริษัทรายงานรายได้ที่ปรับเพิ่มขึ้น 44.2% สะท้อนถึงหนึ่งปีเต็มนับตั้งแต่บริษัทเข้าซื้อกิจการ All Aboard America! Holdings ขณะที่กำไรพุ่งสูงขึ้น 176.2%