บล.กรุงศรีฯ:
เก่งหลังเกมส์
SET Index เปิดโดดลงและทดสอบ 1236 จุด และมีแรงซื้อเข้ามา โดยปิดตลาด -15.6จุด -1.23% ปิดที่ระดับ 1,256.4 จุด มูลค่าการซื้อขายที่ 5.63 หมื่นล้านบาท แรงกดดันมาจาก DELTA AOT และ สภาพัฒน์รายงาน GDP Growth ไทย 4Q24 ต่ำคาด ฯลฯ Sector กลุ่มที่หนุนดัชนี คือ กลุ่มกลุ่มธนาคาร KBANK, SCB ค้าปลีก CPAXT กลุ่มพลังงาน PTTEPฯลฯ ส่วนกลุ่มที่ปรับลงกดดัชนีคือ กลุ่มชิ้นส่วน DELTA CCET กลุ่มขนส่ง AOT ฯลฯ
หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่น /แข็งกว่าตลาด/ แย่กว่าตลาด คือ
DELTA -23.4 %
ปรับลงรับงบ 4Q24 ต่ำคาด และการประชุมช่วงเช้า Key takeaways (Negative) เป้าการเติบโตของรายได้ double digit growth ในปี 2025 มีความท้าทายมากขึ้น จากตลาด EV ที่อาจจะไม่โต ฯลฯ ประเด็น GMT อาจจะทำให้กำไรปี 2025 ของ DELTA ทำได้เพียงทรงตัวหรือเติบโตได้เพียงเล็กน้อย ลกระทบต่อราคาหุ้นยังมี Downside บน EPS และ P/E multiple อยู่มาก
AOT -7.98%
หุ้นปรับลงผิดหวังงบ 1Q25 ต่ำคาด และงาน Analyst meeting โทนเป็นลบ รายได้จากส่วนแบ่งผลประโยชน์มี downside เนื่องลูกค้าบางรายเริ่มมีปัญหาสภาพคล่อง
เราคงคำแนะนำ Buy ราคาเป้าหมาย (TP25F) 64.50 บาท ราคาหุ้น AOT ลดลง ใกล้กรณี Worst case หากต้องยกเลิกสัญญา King Power ขณะที่เราประเมินมีความเป็นไปได้น้อย จากอุตฯ การบินฟื้นตัวหนุน King Power กลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ หุ้น AOT ยังมี Upside 10-20% จากการเรียกเก็บ PSC transit/transfer และขึ้นค่า PSC เราจึงมองเป็นโอกาส “ทยอยสะสม”
TOP +7.7%
หุ้นปรับขึ้นรับรายงานกำไรสุทธิ 4Q24 ที่ 2,767 ลบ. สูงกว่าเราและตลาดคาด ฟื้นสูง q-q จาก stock loss ที่ลดลง และปัจจัยฤดูกาลหนุนค่าการกลั่น +38% q-q มาที่ 5.1 $/bbl และเป็นโอกาสลงทุนระยะยาว ธุรกิจหลักอย่างโรงกลั่นฟื้นตัวต่อเนื่องใน 2025-26F และ dividend yield ที่อยู่ในระดับสูง ราคาเป้าหมาย 33.0 บาท
MTC +6.3% GULF +0.43%
จิตวิทยาบวก US Bond Yield 10 ปีอ่อนตัวลง -6 bps หนุนหุ้นโรงไฟฟ้า และกลุ่มการเงิน โดย MTC คาดผลประกอบการ 4Q24-2025F ทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง สำหรับกำไรสุทธิ 4Q24F คาดที่ 1,510 ลบ. กำไรเพิ่มขึ้น +12% y-y และ +1% q-q คงคำแนะนำ BUY และคง TP24F ที่ 58 บ. และคงเป็น Top Pick ของกลุ่ม Consumer Finance
GFPT +12%d-d, CPF +4.3%d-d
Sentiment บวกจากอานิสงส์จากข่าวไข้หวัดนกสหรัฐฯ ที่อาจกดดันด้าน supply ในตลาดโลกลดลง โดยปัจจุบันสหรัฐเป็นผู้ผลิตเนื้อไก่อันดับหนึ่งของโลก และ ส่งออกเป็นอันดับสองรองจากบราซิล อย่างไรก็ตาม ในแง่ของ Supply ปู่ย่าพันธุ์ของบริษัทจดทะเบียนในไทย ทาง GFPT ซื้อไก่ปู่ย่าพันธุ์จากนิวซีแลนด์เป็นหลัก ส่วน CPF ซื้อจากสหรัฐ, ยุโรป และออสเตรเลีย ซึ่งมีการกระจายความเสี่ยง เนื่องจากไข้หวัดนก เป็นโรคที่เกิดขึ้นได้ประจำ จึงมองว่า Supply ยังไม่ลดลง เพราะซื้อจากหลายแหล่ง ยังคงเลือก CPF (TP 27.40) เป็น Top pick จากแนวโน้มราคาเนื้อสัตว์ฟื้นตัวทั้งไก่ หมูไทย เวียดนาม ขณะที่ต้นทุนอาหารสัตว์อยู่ในระดับต่ำ และรองลงมาคือ GFPT (TP 13.80) ราคาไก่ฟื้นเร็ว และ Valuation ยังอยู่ในระดับต่ำ