บล.ฟิลลิป:
Phillip News Comment
สุกี้ตี๋น้อยประกาศฉลอง 1 ล้านผู้ติดตาม จัดโปรบุฟเฟต์ 199 บาท หลัง MK ประกาศออกโปรโมชันบุฟเฟต์ 299 ต่อหัว เปิดศึกหั่นราคาในสงครามอิ่มด่วน
ที่มา : มติชนออนไลน์ ( 9 มิ.ย. 68)
Strategist Comment
ทางฝ่ายประเมินข่าวดังกล่าวค่อนข้างน่าสนใจในแง่ของการเปิดสงครามราคาอย่างชัดแจ้งระหว่างกัน โดยมองพัฒนาการในแต่ละระยะมีประเด็นให้ติดตาม และ จะกระทบต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงมีหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากสงครามดังกล่าว โดยมองระยะของสงครามครั้งนี้มี 3 ระยะ คือ
1) เปิดศึกหั่นราคา : คู่แข่งการค้าจะทำการตัดราคาสินค้าที่มีความคล้ายคลึงกันสวนกันไปมา ระยะนี้สินค้าที่ทั้งสองขายจะมีการปรับเปลี่ยนสินค้าให้แตกต่างกันน้อย เนื่องจากเป็นช่วงที่โฟกัสในส่วนของราคา และ ต้นทุน เพื่อประเมินอัตรากำไรที่บริษัทจะได้รับ รวมถึงประเมินความสามารถในการแข่งขันของคู่แข่ง ดังนั้น หุ้นที่ได้รับประโยชน์ในระยะแรก จะเป็นหุ้นที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของสองคู่แข่ง เนื่องจากการปรับลดราคาจะทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้า/บริการดังกล่าวมากขึ้น ผู้ผลิตวัตถุดิบ และ ผู้ครองปัจจัยการผลิต จะได้รับประโยชน์โดยตรงจากการแข่งขันในระยะนี้
2) สู้กันจนต้อง ปรับตัวเข้าหาดุลยภาพใหม่: ระยะที่ 2 จะเป็นการปรับตัวเข้าหาระดับราคาที่ทั้งสองคู่แข่งพอจะมีกำไร แต่ จะอยู่ในระดับที่น้อยลงกว่าปกติมาก ผลประกอบการของผู้เล่นในสงครามราคาจะเริ่มเห็นการชะลอตัวเนื่องจากอัตรากำไรจะลดลงตามการหั่นราคา และ ในธุรกิจที่มีการเปิดสาขาเป็นบุฟเฟต์เพียงบางสาขา จะเห็นปริมาณผู้เข้าใช้บริการที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ในสาขาที่เปิดขายตามปกติจะยังคงมีผู้เข้าใช้หรืออาจลดลงบ้างตามการเข้ามาทดแทนของสินค้าคู่แข่ง หรือ สินค้าของตนที่ผันตัวไปขายแบบบุฟเฟต์ ระยะนี้อาจเห็นการปิดตัวลงในบางสาขาที่ไม่ได้เป็นบุฟเฟต์เพื่อลดต้นทุน เพื่อที่จะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของตนให้มากที่สุด ระยะนี้ผู้ครอบครองปัจจัยการผลิต จะเริ่มถูกส่งซื้อน้อยลง เนื่องจากมีการปิดสาขาในบางสาขาลง และอาจมีการปรับลดเมนูบางเมนูที่ไม่ได้ถูกสั่งบ่อยนักเพื่อคุมต้นทุนให้ได้มากที่สุด
3) ต้นทุนสู้ไม่ไหว เปลี่ยนไปสร้างความแตกต่าง : ระยะนี้สงครามราคาจะเข้าสู่ระยะอิ่มตัว ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายจะเห็นภาพราคาของคู่แข่งชัดเจนว่าอยู่ที่เท่าไหร่ หากยังต้องการแข่งขันเพื่อเป็นเจ้าตลาด จะเข้าสู่การแข่งขันรูปแบบใหม่ คือ การแข่งขันเพื่อความแตกต่าง (Product/Services Differentiation) ผู้เล่นจะแข่งกันออกสินค้าใหม่ ภายใต้ต้นทุนเท่าเดิม ราคาขายเท่าเดิม เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น กำไรของบริษัทจดทะเบียนในระยะยาวจะเริ่มแย่ เนื่องจากจะต้องทุ่มลงทุนงบสำหรับการวิจัยและพัฒนาสินค้ามาต่อสู่กับคู่แข่ง โดยระยะสุดท้ายจะเป็นการตัดสินสงครามครั้งนี้ว่าใครจะอยู่หรือไป หากสินค้าสามารถตอบโจทย์ของลุกค้าได้มาก และ ไม่สามารถลอกเลียนแบบตามได้ จะทำให้ความสามารถการแข่งขันของตนเพิ่มสูงมากอย่างเห็นได้ชัด จะเห็นจำนวนลูกค้าเข้าร้านของตนอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับคู่แข่ง และ อาจเห็นการออกจากการแข่งขันครั้งนี้ของคู่แข่ง หรือ ธุรกิจอื่นๆที่มีลักษณะคล้ายกัน
ทางฝ่ายมองปัจจุบันเข้าสู่ระยะแรกของสงครามราคามีโอกาสที่ผู้ครองปัจจัยการผลิตทั้งในส่วนของวัตถุดิบ และ พื้นที่เช่าจะยังได้ประโยชน์จากอุปสงค์ที่เร่งตัว และ ปริมาณคนเข้าใช้บริการที่จะหนุน Traffic ในห้างมากยิ่งขึ้น มองเป็นโอกาสเข้าลงทุนใน CPF BTG TFG GFPT MBK CPAXT CRC และ BJC เพื่อรับ Sentiment บวกในระยะสั้น