บล.กสิกรไทย:
CKP พลังน้ำหนุนการเติบโต แนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่งใน 3Q68 โดยได้รับแรงหนุนจาก ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งตามฤดูกาลของโรงไฟฟ้าพลังน้ำในช่วงฤดูฝน ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนราคาหุ้น ขณะที่มูลค่าหุ้นยังคงน่าสนใจ
- CKP รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 ที่ 610 ลบ. เพิ่มขึ้น 725% YoY และ 766% QoQ ผลประกอบการเป็นไปตามประมาณการของเรา แต่สูงกว่าของตลาด 13%
- เป็นไปตามกระแสพลังน้ำ เราเข้าร่วมการประชุมนักวิเคราะห์ประจำไตรมาส 2/2568 ของ CKP และกลับมาด้วยมุมมองที่เป็นบวก แม้ปริมาณการขายไฟฟ้าและไอน้ำ จากโรงไฟฟ้าโคเจนเนอเรชั่นมีแนวโน้มอ่อนตัวลงในไตรมาส 3/2568 จากการซ่อมบำรุงกังหันก๊าซที่โรงไฟฟ้าโคเจนเนอเรชั่นบางปะอิน 1 (BIC1) ที่ไม่ได้เป็นไปตามแผน แต่ผู้บริหารคาดว่าปริมาณการขายไฟฟ้าทั้งปี 2568 จะยังคงเพิ่มขึ้น YoY โดยปริมาณการขายไฟที่อ่อนแอลงชั่วคราวของ BIC คาดว่าจะถูกชดเชยทั้งหมด จากปริมาณการขายไฟฟ้าที่แข็งแกร่งขึ้นจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจาก การดำเนินงานภายในที่ดีขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี (XPCL)
- NN2: พายุฤดูมรสุมวิภาที่พัดกระทบลาวช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ส่งผลให้ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนน้ำงึม 2 (NN2) เพิ่มขึ้นถึง 2.8 พันล้าน ลบ.ม. โดยเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนปริมาณการขายไฟฟ้าให้เพิ่มขึ้น YoY ในปี 2568
- XPCL: ระยะเวลาการหยุดเดินเครื่องกังหันที่คาดว่าจะสั้นลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว คาดว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโตของปริมาณการขายไฟฟ้า YoY ในปี 2568 โดยในไตรมาส 3/2567 ปริมาณน้ำที่สูงผิดปกติ ทำให้ต้องหยุดการผลิตไฟฟ้าเป็นเวลา 17 วัน แต่บริษัทฯ ได้ปรับปรุงแผนบริหารจัดการระดับน้ำให้ดีขึ้น ซึ่งมาตรการนี้มีแนวโน้มที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงที่ปัญหาในลักษณะเดียวกันจะเกิดขึ้นซ้ำ
- ต้นทุนทางการเงินลดลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย บริษัทฯ คาดว่าต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยจะลดลง ท่ามกลางวัฏจักรการผ่อนคลายนโยบายการเงิน โดยหนี้สินของบริษัทประมาณ 12% เป็นเงินกู้ธนาคารที่มีอัตราดอกเบี้ยลอยตัว ขณะที่การวิเคราะห์ความอ่อนไหวของเราบ่งชี้ว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายทุกๆ 25bps จะทำให้เกิด upside ต่อประมาณการกำไรปกติปี 2568 ของเราที่ 2%
- โครงการใหม่กำลังดำเนินการตามแผน โครงการโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง (LPCL) ก่อสร้างแล้วเสร็จไป 53% ณ เดือน มิ.ย.2568 โดยกำหนดวันเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (SCOD) ไว้ในช่วงปี 2573 ตามเดิม ซึ่งปัจจุบันโครงการมีหนี้สินประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายสูงสุดที่ 800 ล้านดอลลาร์ฯ ทั้งนี้ จนกว่าจะถึงวัน SCOD ผลประกอบการที่จะรับรู้จะขึ้นอยู่กับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดดำเนินการแล้ว LPCL จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของ CKP โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจาก 1,016 MWe เป็น 1,749 Mwe
- แนะนำ “ซื้อ” และ TP ที่ 3.70 บาท หนุนโดยปริมาณการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำที่แข็งแกร่งตามฤดูกาล ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนกำไรไตรมาส 3/68