บล.กสิกรไทย:

SCC ฟื้นตัว หนุนโดยการปิดกำลังผลิตโอเลฟินส์ทั่วโลก เราเลือกเป็นหนึ่งในหุ้นแนะนำ 4Q25

SCC การฟื้นตัวหนุนโดยการพิจารณาปิดกำลังการผลิตโอเลฟินส์ทั่วโลก โดยอาจมีการปรับเพิ่มตัวคูณ PBV เป็น 1-1.2 เท่า

เราคงมุมมองเชิงบวกในระยะยาวต่อ SCC

  • โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์การฟื้นตัวของธุรกิจของ SCGC เรามองเห็นปัจจัยบวกที่เพิ่มขึ้นซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อส่วนต่างราคาโอเลฟินส์ โดยปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดคือการเร่งรัดการพิจารณาปิดกำลังการผลิต เราคาดว่ากำลังการผลิตโอเลฟินส์ประมาณ 15 ล้านตันจะถูกปิดตัวลงหรือลดลงในช่วงปี 2026–2028 ซึ่งรวมถึงการปิดกำลังการผลิตของโรงงานผลิตโอเลฟินส์ประมาณ 5.2 ล้านตันในจีน (คิดเป็นประมาณ 13% ของกำลังการผลิตปิโตรเคมีของประเทศ) ภายในปี 2027 ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายต่อควบคุมการแข่งขันที่รุนแรง (anti-involution) ของรัฐบาลที่มุ่งเป้าไปที่โรงงานที่มีอายุมากกว่า 20 ปี
  • นอกจากนี้ เราคาดว่ากำลังการผลิตประมาณ 10 ล้านตันของผู้ผลิตที่มีต้นทุนสูง (ควอร์ไทล์ที่ 3-4) จะถูกปิดตัวหรือลดกำลังการผลิตลง ซึ่งประกอบด้วยประมาณ 4.6 ล้านตันในยุโรป 1.3 ล้านตันในญี่ปุ่น 3 ล้านตันในเกาหลี และ 0.9 ล้านตันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การปิดกำลังการผลิตเหล่านี้น่าจะช่วยยกระดับอัตราการใช้กำลังการผลิตโดยรวมขึ้นประมาณ 8% เป็นประมาณ 85% ซึ่งใกล้เคียงกับระดับกลางวัฏจักรในปี 2022 และด้วยอัตราการใช้กำลังการผลิตดังกล่าว ส่วนต่างราคา PE และ PP อาจเพิ่มขึ้นเป็น 400–450 ดอลลาร์ฯ/ตัน เมื่อเทียบกับระดับต้นทุนจุดคุ้มทุนเงินสดปัจจุบันที่ 340–350 ดอลลาร์ฯ/ตัน
  • หากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กลับสู่ระดับกลางวัฏจักรตามที่คาดการณ์ไว้ SCC มีโอกาสสูงที่จะได้รับการปรับเพิ่มตัวคูณมูลค่าหุ้น จาก PBV ในปัจจุบันที่ 0.8 เท่า เป็น 1.0–1.2 เท่า การปรับเพิ่มตัวคูณมูลค่าหุ้นดังกล่าวบ่งชี้ถึงราคาเป้าหมายในช่วงกลางวัฏจักรที่ในกรอบ 300–350 บาท/หุ้น
  • สำหรับธุรกิจปูนซีเมนต์ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 25% ของ EBITDA ของ SCC มีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์จากทิศทางเชิงบวกของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและการอนุมัติโครงการลงทุนภาครัฐ ซึ่งอาจช่วยกระตุ้นความต้องการปูนซีเมนต์ นอกจากนี้ SCC ยังได้ปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์ในช่วง 1Q25 ซึ่งช่วยหนุนแนวโน้มกำไรให้เติบโตยิ่งขึ้น

มุมมอง KS :

  • ซื้อด้วยราคาเป้าหมาย 246.00 บาท เราเชื่อว่าความพยายามในการลดภาระหนี้ของ SCC จะช่วยสนับสนุนให้งบดุลแข็งแกร่งขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะลดอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ให้ต่ำกว่า 4 เท่า ซึ่งทำได้โดยการปรับปรุงประสิทธิภาพของเงินทุนหมุนเวียนผ่านการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานที่กระชับขึ้น ซึ่งทำให้เงินทุนหมุนเวียนลดลงจาก 1.05 แสนลบ. ใน 3Q24 เหลือ 8.05 หมื่นลบ. ใน 2Q25

- Advertisement -