บล.พาย:
KTC: Krungthai Card PCL
กำไรสุทธิใน 3Q25 เติบโต และงบดุลแกร่ง
คงคำแนะนำ “ซื้อ” จาก (1) งบดุลแข็งแกร่งขึ้นลดภาระสำรองหนี้ฯ และระดับ Coverage ratio ที่สูงถึง 470% แข็งแกร่งรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจ (2) คาดผลตอบแทนเงินปันผล 4.4-4.5% ในปี 2025-26 และ (3) Valuation ไม่แพง ซื้อขายที่ PBV’26E ที่ 1.6x และ PE’26E ที่ 10 เท่า ประเมินมูลค่าพื้นฐานใหม่ที่ 36 บาท (เดิม 32 บาท) จากการปรับใช้มูลค่าพื้นฐานปี 2026 คำนวณด้วยวิธี Gordon growth model (ROE 16.5%, Long term growth 2% 01.9×PBV’26E และ 11.9x PE’26E ด้านผลการดำเนินงานใน 3Q25 กำไรสุทธิอยู่ที่ 1.95 พันล้านบาท (+1.7% YoY, +3.0% QoQ) และ NPL ratio ทรงตัวที่ 1.85% เศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้กำลังซื้อลดลง และการปล่อยสินเชื่อใหม่ระมัดระวังสูงขึ้น ส่งผลสินเชื่อขยายตัวจำกัดโดยคาดอัตราการเติบโตของกำไรได้ราว 2% ในปี 2025-26
กำไรสุทธิใน 3Q25 เติบโต YoY และ QoQ
- กำไรสุทธิออกมาที่ 1.95 พันล้านบาท (+1.7% YoY, +3.0% QoQ) กำไรเติบโต YoY เนื่องจาก (1) รายได้ดอกเบี้ยสุทธิขยายตัว และ (2) สำรองหนี้ฯ ลดลง ทั้งนี้กำไรสุทธิใน 9M25 ปรับสูงขึ้น 2.8% YoY
- แม้สินเชื่อบุคคลจะขยายตัว แต่เพราะสินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อตามสัญญาเช่าลดลง ส่งผลให้สินเชื่อรวมลดลงเล็กน้อย 0.2% QoQ (+0.7% YoY) และสินเชื่อรวมใน 9M25 ลดลง 3.8% YTD เป็นผลจากการชำระคืนหนี้ใน 1Q
- ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) เพิ่มขึ้น 42 bps QoQ ที่ 19.6% และทรงตัว YoY จากอัตราผลตอบแทนสินเชื่อสูงขึ้น
- งบดุลแข็งแกร่ง หนี้เสียทรงตัว ทำให้ NPL ratio ทรงตัวที่ 1.85% ขณะที่สำรองหนี้ต่อหนี้เสีย (Coverage ratio) เพิ่มขึ้นเป็น 426.1% แข็งแคร่งรองรับความเสี่ยงจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ขณะที่ Stagen 2 ratio ทรงตัวที่ 11%
การเติบโตมีแรงกดดันจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
- ใน 4Q25 สินเชื่อจะขยายตัวสูงจากปัจจัยฤดูกาล โดยคาดว่าสินเชื่อรวมในปี 2025 จะขยายตัว 0.5% YoY อย่างไรก็ดี มองว่าค่าใช้จ่ายทางการตลาดจะสูงขึ้นเพื่อกระตุ้นยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตรวมทั้งสำรองหนี้ฯ จะสูงขึ้นล้อกับสินเชื่อ ดังนั้นคาดกำไรสุทธิจะปรับลดลง QoQ แต่ทรงตัว YoY ที่ราว 1.9 พันลบ.
- การเติบโตทางเศรษฐกิจมีความท้าทาย และการให้ความสำคัญต่อคุณภาพสินเชื่อเป็นหลัก ทำให้การขยายสินเชื่อมีข้อจำกัด เราคาดสินเชื่อรวมจะขยายตัว 0.5%/0.9% ในปี 2025-26 อย่างไรก็ดีผลบวกจากงบดุลแข็งแคร่ง การควบคุมหนี้เสียทำให้สามารถผ่อนคลายสำรองหนี้ฯ ลงได้ ดังนั้น คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตได้ราว
2.3%/2.8% ในปี 2025-26 - D/E ต่ำเพียง 1.5 เท่า ทำให้มีความสามารถในการกู้เงินเพิ่มได้หากสภาวะทางเศรษฐกิจเปิดโอกาสในการเติบโตในอนาคต และด้วยราคาหุ้นที่ปรับลดลง เราคาดว่า KTC จะให้ผลตอบแทนเงินปันผลที่ราว 4.4-4.5% ในปี 2025-26