KS Daily View 27.10.2025 >>> ตลาด Sideway up จากภาพเชิงบวกต่างประเทศ การค้าสหรัฐ-จีนดูผ่อนคลายลง กรอบ SET วันนี้ 1,305–1,325 จุด แนะนำ KCE และ TFM

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้: สัปดาห์นี้เรามองมีหลายปัจจัยบวกช่วยหนุนโดยเฉพาะปัจจัยจากต่างประเทศและประเมิน SET Index ในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,290 – 1,330 จุด โดยมองมีลุ้นเห็น SET Index ทะลุและยืนได้เหนือแนวต้านสำคัญ 1,315 จุดได้ ซึ่งจะทำให้ภาพรวมของ SET Index กลับมาดูดีขึ้น ให้ภาพเทรนด์หลักเป็นแนวโน้มขาขึ้นชัดขึ้น จากบรรยากาศการลงทุนดูเป็นบวกภายหลังสหรัฐฯ รายงานตัวเลขเงินเฟ้อสำหรับเดือน ก.ย. 2025 ในช่วงปลายสัปดาห์ก่อนที่ออกมา 3.0% YoY เพิ่มขึ้นจาก 2.9% YoY ในเดือนก่อนหน้า แต่น้อยกว่าที่ตลาดประเมินที่ 3.1% YoY ส่งผลให้ตลาดคาดหวังเห็น Fed ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสัปดาห์นี้Fed จะมีกำหนดประชุม FOMC ในช่วงข้ามคืนวันพุธซึ่งคาดว่าจะเห็นการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps จาก 4.25% เป็น 4.00% ประกอบกับปัจจัยในประเทศซึ่งคาดว่าการประชุม ครม. ในสัปดาห์นี้อาจเห็นมาตรการจากรัฐบาลในการช่วยเหลือค่าครองชีพและลดค่าใช้จ่ายของประชาชนเพิ่มเติมทั้งในฝั่งของประเด็นเรื่องพลังงานและการสื่อสาร และนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาลและมาตรการอื่นๆ

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1313.91 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น +3.08% จากสัปดาห์ที่ผ่านหลังกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, กลุ่มปิโตรเคมี, และกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น ในวันนี้เราประเมินว่าตลาดมีแนวโน้มแกว่งตัว sideway up อยู่ในกรอบ 1,305–1,325 จุด จากภาพเชิงบวกในต่างประเทศของความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนดูผ่อนคลายลง ซึ่งตัวแทนสองประเทศได้บรรลุกรอบข้อตกลงก่อนมีการพบปะผู้น้ำทั้งสองประเทศที่เกาหลีใต้ แนะนำ KCE และ TFM

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ และจีนได้บรรลุกรอบข้อตกลงสำคัญ เพื่อเตรียมการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในวันที่ 30 ตุลาคมที่เกาหลีใต้ โดยการเจรจาซึ่งจัดขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย มีการหารือครอบคลุมหลายประเด็น ทั้งการค้า การควบคุมแร่หายาก สารเฟนทานิล แอป TikTok สินค้าเกษตร และความสัมพันธ์ทวิภาคี เบสเซนต์ระบุว่าการเจรจาเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และอาจนำไปสู่การขยายช่วงพักรบทางการค้า มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงบวกกับกลุ่มส่งออก
  1. ไทย และ กัมพูชา ได้ลงนามในข้อตกลงสันติภาพที่ขยายผลจากการหยุดยิงเมื่อ 3 เดือนก่อน โดยมี โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำหน้าที่เป็นสักขีพยาน และร่วมเป็นผู้กลางในกระบวนการฟื้นฟูความสัมพันธ์ ข้อตกลงดังกล่าวครอบคลุมการถอนอาวุธหนักจากแนวชายแดน การปล่อยเชลยศึก และการทำงานร่วมกันของทั้งสองประเทศเพื่อรักษาสันติภาพยั่งยืน มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงบวกกับ SAV
  1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน สั่งการให้ กบน. เร่งดำเนินมาตรการพยุงราคาน้ำมันภายใต้นโยบาย “Quick Big Win” หลังราคาน้ำมันโลกพุ่งจากกรณีสหรัฐฯ คว่ำบาตรบริษัทน้ำมันรัสเซีย โดยที่ประชุม กบน. มีมติลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันของน้ำมันดีเซลลง 70 สตางค์/ลิตร และน้ำมันเบนซินลง 50 สตางค์/ลิตร เพื่อไม่ให้ราคาขายปลีกในประเทศปรับขึ้น โดยมาตรการนี้จะลดรายรับกองทุนเหลือวันละราว 86 ล้านบาท จากเดิม 145 ล้านบาท มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงลบกับ OR และ PTG
  1. ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ททท.จะประชุมในวันที่ 26 ตุลาคม เพื่อพิจารณาแนวทางปรับรูปแบบกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวทั่วประเทศตามมติคณะรัฐมนตรี โดยงานรื่นเริงที่วางแผนไว้หลายรายการต้องเลื่อนออกไปก่อน รวมถึงงาน “พลุวิจิตรเจ้าพระยา 2025” ที่เดิมจะจัดระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน–15 ธันวาคม มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงลบเล็กน้อยกับกลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่ม media
  1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จะหารือร่วมกับกระทรวงการคลังในวันที่ 29 ตุลาคมนี้ เพื่อผลักดันนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุดไม่เกิน 40 บาททั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยตั้งเป้าดำเนินการให้ทันภายในรัฐบาลชุดปัจจุบันก่อนยุบสภาในเดือนมกราคม 2026 แนวทางที่เสนอคือให้รัฐ “ซื้อคืน” รถไฟฟ้าจากเอกชน 100% แล้วทำสัญญาสัมปทานให้เอกชนเดิมบริหารต่อ โดยเอกชนเป็นผู้กู้เงินชดเชยให้รัฐ ซึ่งจะไม่กระทบงบประมาณและกรอบหนี้สาธารณะของประเทศ และเป็นแนวทางที่เป็นไปได้จริงโดยไม่ต้องใช้งบอุดหนุน และจะช่วยให้รัฐบาลสามารถควบคุมราคากลางได้ในอนาคต มองเป็นบวกเล็กน้อยกับ BTS และ BEM

Daily pick

KCE: ราคาพื้นฐาน 27.00 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกกับ KCE จากแนวโน้มผลประกอบการ 3Q25 คาดที่ 273 ลบ. เพิ่มขึ้น 26% YoY และ 50% QoQ ได้รับแรงหนุนหลักจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลง ขณะที่การเติบโตได้แรงหนุนจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน จากอุปสงค์การเติมสต๊อกในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์หลังสต๊อกเริ่มกลับสู่ภาวะปกติและความกังวลด้านภาษีนำเข้าลดลง อีกทั้งการกลับสู่ภาวะปกติหลังการปรับสต๊อกจากการเข้าซื้อสำนักงานขายในยุโรปในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 ทั้งนี้ คาดว่าGPM จะเพิ่มขึ้น QoQ สู่ระดับ 20% จากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นและประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น มองใน 4Q25 เราคาดว่ากำไรจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จากแนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ และการขยายตัวของอัตรากำไรเพิ่มเติมจากการดำเนินมาตรการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง

TFM: ราคาพื้นฐาน 7.00 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ TFM จากแนวโน้มผลประกอบการ 3Q25 คาดที่ 212 ลบ. เพิ่มขึ้น 40% YoY และ 9% QoQ หนุนโดยการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของปริมาณการขายอาหารกุ้งและอาหารปลากะพงขาว ที่ 1.6 พันลบ. เพิ่มขึ้น 18% YoY และ 11% QoQ ในช่วงฤดูกาลเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในไตรมาส 3 ขณะเดียวกัน ยอดขายอาหารกุ้งในอินโดนีเซียฟื้นตัวเทียบเท่ากับปีที่แล้ว หลังจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคกุ้งในช่วง 1H25 อีกทั้งราคากากถั่วเหลืองลดลง 28% YoY และ 11% QoQ ขณะที่ราคาแป้งสาลีลดลง 11% YoY และทรงตัว QoQ หนุนให้ GPM ปรับตัวดีขึ้นหนุนให้กำไรเติบในไตรมาสนี้

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันจันทร์ ติดตามตัวเลขส่งออก (TH Exports) จากกระทรวงพาณิชย์ เดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 7.2% YoYเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 5.8% YoY และตัวเลขนำเข้า (TH Imports) ตลาดคาดการณ์ที่ 10.4% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 15.8% YoY ต่อด้วยดัชนีธุรกิจภาคการผลิตของธนาคารกลางรัฐดัลลาส (Dallas Fed Manufacturing Index) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ -7.8 จุดเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -8.7 จุด

วันอังคาร ติดตาม ดัชนีภาคการผลิตของรัฐริชมอนด์ (Richmond Manufacturing Index) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ -10.0 จุดเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -17.0 จุด ต่อด้วยดัชนีรายงานความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของคณะกรรมการการประชุม (Conference Board Consumer Confidence) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 93.4 จุดเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 94.2 จุด

วันพุธ ติดตามผลการประชุม FOMC โดยตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐจะลดอัตราดอกเบี้ย 25 bps จากครั้งก่อนหน้าจาก 4.25% มาอยู่ที่ 4.00%

วันพฤหัสบดี ติดตามผลการประชุมของ BoJ โดยตลาดคาดว่า BoJ จะคงอัตราดอกเบี้ยจากครั้งก่อนหน้าและผลการประชุมอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB interest rate decision) ตลาดคาดการณ์ว่า ECB จะคงอัตราดอกเบี้ยจากครั้งก่อนหน้า ต่อด้วยการรายงานตัวเลขคาดการณ์ GDP ใน 3Q25 ของโซนยุโรปครั้งแรกตลาดคาดการณ์ที่ +1.2% YoY ชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 1.5% YoY ต่อด้วยการรายงานตัวเลขคาดการณ์GDP ใน 3Q25 ของสหรัฐครั้งแรกตลาดคาดการณ์ที่ +3.0% QoQ ชะลอตัวขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 3.8% QoQ

วันศุกร์ ติดตามดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของจีน (NBS Manufacturing PMI) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 49.6 จุดชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 49.8 จุด

- Advertisement -