บล.คันทรี่ กรุ๊ป:
PTTGC: อัตรากำไรปิโตรเคมีที่อ่อนแอฉุดกำไร 4Q21
คาดกำไรสุทธิ 4Q21 ที่ 6.3 พันล้านบาท (-2%YoY, -10%QoQ)
- กำไรท่ีลดลง QoQ มีสาเหตุจากผลการดำเนินงานที่ชะลอตัวลงในธุรกิจปิโตรเคมี (โอเลฟินส์ PE) อะโรเมติกส์ (PX, BZ) และวัตถุดิบสมรรถนะสูง (ฟีนอล PO) ซึ่งจะได้รับการชดเชยบางส่วนจากธุรกิจโรงกลั่นที่ปรับดีข้ึน
- คาดกำไรปี 2022 จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากการขาดหายไปของรายการพิเศษคร้ังเดียวจากการขายหุ้น GPSC และอัตรากำไรเคมีภัณฑ์ที่อ่อนแอ แต่การควบรวม Allnex ที่ปิดดีลไปเมื่อ 4Q21 จะช่วยชดเชยปัจจัยลบดังกล่าวได้บางส่วน
- ราคาหุ้นถือว่าไม่แพง ด้วยการซื้อขายท่ี 0.8x PBV’22 หรือต่ำกว่า -1SD ต่อค่าเฉลี่ย 5 ปี จึงเล็งเห็น downside risk ท่ีจำกัดต่อราคาหุ้น
คงคำแนะนำ “ถือ” มูลค่าพื้นฐาน 66.0 บาท อิง 0.9xPBV’22E หรือคิดเป็น -1SD ต่อค่าเฉลี่ย 5 ปี มูลค่า พื้นฐานดังกล่าวสะท้อนภาพรวมธุรกิจปิโตรเคมีที่อ่อนแอในปี 2022
คาดกำไรสุทธิ 4Q21 ท่ี 6.3 พันล้านบาท (-2% YoY, -10% QoQ)
- คาด PTTGC มีกำไรสุทธิ 4Q21 ที่ 6.3 พันล้านบาท (-2% YoY, -10% QoQ)
- กำไรที่ลดลง QoQ มีสาเหตุจากผลการดำเนินงานที่ชะลอตัวลงในธุรกิจปิโตรเคมี (โอเลฟินส์ PE) อะโรเมติกส์ (PX,BZ) และวัตถุดิบสมรรถนะสูง (ฟีนอล PO) ซึ่งจะได้รับการชดเชยบางส่วนจากธุรกิจโรงกลั่นที่ปรับดีขึ้น
- ธุรกิจโรงกลั่น: คาดค่าการกลั่นตลาดจะเพิ่มเป็น US$6.0/bbl ใน 4Q21 จาก US$3.2/bbl ใน 3Q21 หลังจากส่วนต่างราคาเบนซินและดีเซลปรับเพิ่ม 33% และ 114%QoQ ตามลำดับ ขณะที่คาดว่าอัตราการกลั่นจะฟื้นตัวเป็น 100% จาก 77% ใน 3Q21 ที่มีสาเหตุจากการปิดซ่อมบำรุงโรงงาน
- ธุรกิจโอเลฟินส์และอนุพันธ์: คาดมีส่วนแบ่งกำไรลดลง QoQ จากส่วนต่างราคา PE ที่อ่อนแอและต้นทุนวัตถุดิบ LPG และแนฟทาที่สูงขึ้น คาดอัตราการดำเนินงานลดเป็น 80% จาก 91% ใน 3Q21 เพราะอุปสงค์ที่ลดลงจากราคาผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น
- ธุรกิจอะโรเมติกส์: คาดส่วนแบ่งกำไรที่ลดลง QoQ หลัจากส่วนต่างราคา PX และ BZ ลดลงมากกว่า 50% QoQ และคาดอัตราการดำเนินงานจะทรงตัวที่ 100% รวมงบ Allnex ในปี 2022
- คาดกำไรปี 2022 จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากการขาดหายไปของรายการพิเศษครั้งเดียวจากการขาย หุ้น GPSC และอัตรากำไรเคมีภัณฑ์ที่อ่อนแอ แต่การควบรวม Allnex ที่ปิดดีลไปเมื่อ 4Q21 จะช่วยชดเชยปัจจัยลบดังกล่าวได้บางส่วน เพราะจะสร้างส่วนแบ่งกำไรได้ราว US$100 ล้าน/ปี ซึ่งคาดว่าจะช่วยชดเชยกำไรที่ลดลงในกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์ และกลายเป็นกันชนต่อกำไรบริษัทได้
Revenue Breakdown
โอเลฟินส์คิดเป็น 52% ของ EBITDA ทั้งหมดของบริษัท โดยบริษัทมีโรงงานโอเลฟินส์ทั้งหมด 4 แห่ง (2.9 MTA) และมีกำลังการผลิตโพลีเมอร์อยู่ที่ 3.3 MTA
โรงกลั่น (คิดเป็น 8% ของ EBITDA ทั้งหมด) ธุรกิจนี้เกี่ยวข้องกับการกลั่นผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และการจำหน่ายเพื่อการบริโภคภายในประเทศโรงกลั่นของบริษัทมีกำลังการผลิต 145KBD (ไม่รวมเครื่องแยกคอนเดนเสท 135KBD)
บริษัทผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าและ บรรจุภัณฑ์ธุรกิจส่วนนี้คิดเป็น 13% ของ EBITDA ทั้งหมด
กลุ่มเคมีภัณฑ์สมรรถนะสูงเป็นส่วนประกอบหลักในอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมพลาสติกวิศวกรรมส่วนนี้ คิดเป็น 21% ของ EBITDA ทั้งหมด
บริษัทยังให้บริการด้านอื่นๆ เช่น บริการสาธารณูปโภค โลจิสติกส์ และโครงสร้างพื้นฐาน ท่อส่งน้ำมัน ซึ่งธุรกิจส่วนนี้คิดเป็น 3% ของ EBITDA ทั้งหมด ส่วนสุดท้ายเคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม (คิดเป็น 4% ของ EBITDA ทั้งหมด) เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์โอลีโอเคมี