บล.บัวหลวง:

AUTO – ยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศไทย ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566

What’s new?

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) รายงานจำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์เดือนกุมภาพันธ์ 2566

Highlights:

  • ยอดผลิตรถยนต์ทั้งหมด 165,612 คัน เพิ่มขึ้น 6.39% YoY และ 4.92% MoM เพราะได้รับชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้น จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือน มกราคม – กุมภาพันธ์ 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 327,939 คัน และเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2565 6.68%
  • ยอดผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกทั้งหมด 95,612 คัน เพิ่มขึ้น 16.17% YoY และ 4.46% MoM และยอดผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายในประเทศทั้งหมด 70,000 คัน ลดลง 4.58% YoY แต่เพิ่มขึ้น 5.56% MoM
  • ยอดขายรถยนต์ในประเทศทั้งหมด 71,551 คัน ลดลง 3.94% YoY แต่เพิ่มขึ้น 9.11% MoM เพราะการผลิตลดลงจากการขาดชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ของรถกระบะบางรุ่น ยอดส่งออกรถยนต์ทั้งหมด 88,525 คัน เพิ่มขึ้น 11.42% YoY และทรงตัว MoM เพราะได้รับชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์มากขึ้นจึงผลิตส่งออกรถยนต์นั่งและรถกระบะเพิ่มขึ้น แต่ยังมีปัญหาเรื่องพื้นที่ในเรือขนส่งรถยนต์ (Ro-Ro) ไม่เพียงพอและวนกลับมาจากท่าเรือประเทศออสเตรเลียมารับรถยนต์รอบใหม่ล่าช้า จากรถยนต์ที่ส่งจากประเทศไทยมีดอกหญ้าติดไปกับรถ ต้องล้างทำความสะอาดรถเป็นจำนวนมาก ทำให้รถยนต์บนเรือไม่สามารถขึ้นท่าเรือได้
  • ยอด EV จดทะเบียนใหม่ มี BEV 7,536 คัน (เพิ่มขึ้น 763.23% YoY และ 60.1% MoM คิดเป็น 11% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด) HEV 7,921 คัน (เพิ่มขึ้น 47.7% YoY และ 3.04% MoM คิดเป็น 11% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด) และ PHEV 1,249 คัน (เพิ่มขึ้น 30.51% YoY และ 29.97% MoM คิดเป็น 2% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด)
  • จากสถานการณ์โควิดดีขึ้นและสถานการณ์ชิปขาดแคลนที่เริ่มคลี่คลาย ทำให้ปัญหาด้านการผลิตเริ่มดีขึ้น แต่ว่ายังต้องเฝ้าระวังปัญหาพื้นที่เรือในการส่งออกรถยนต์ และจับตาสถานการณ์เศรษฐกิจ ส.อ.ท. ยังคงเป้าหมายปี 2566 ดังเดิม ที่ 1.95 ล้านคัน คิดเป็นยอดส่งออก 1.05 ล้านคัน และยอดขายในประเทศ 9 แสนคัน

View From Fundamental:

เรามีมุมมองออกมาเป็นกลาง โดยปัจจัยด้านการผลิต เช่น สถานการณ์ชิปคลี่คลาย และพื้นที่เรือสำหรับส่งออกยังคงเป็นประเด็นเดิม ไม่ได้กระทบกับเป้าหมายการผลิตทั้งปีของไทยที่ 1.95 ล้านคัน และทั้ง AH และ SAT จะสามารถเติบโตได้มากกว่าอุตสาหกรรมจากออเดอร์ใหม่ๆ โดยเรามองว่ากำไรปี 2023 ของ AH และ SAT จะเติบโต 8% และ 10% ตามลำดับ (สำหรับไตรมาส 1Q23 ทั้ง AH และ SAT จะมี order ใหม่เข้ามาหนุน เรามองว่า รายได้ของ AH จะเติบโต 16% YoY และทรงตัว QoQ และกำไรของ AH จะเติบโต 47% YoY และทรงตัว QoQ ในขณะที่รายได้ของ SAT จะเติบโต 10%และ 16% QoQ และกำไรของ SAT จะโต 10% YoY และ 25% QoQ) เรายังคงชอบ NEX ซึ่งกำไรจะโตได้ 812% YoY จากการก้าวเข้าสู่ธุรกิจ EV อย่างเต็มรูปแบบในปีนี้

- Advertisement -