“Selective Play”
CNS Daily Strategy: คาดตลาด “ขึ้นจำกัด” ต้าน 1612/1617 จุด รับ 1590/1584 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯและเอเชียเช้านี้ Rebound หลังค่าเงินดอลล่าร์ลดระดับการแข็งค่า โดยกลุ่มพลังงานฟื้นเด่นสุด จากราคาน้ำมันดิบ Brent ที่พุ่งแรงเกือบ 2% จากแนวโน้ม demand ที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก และการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์สหรัฐและอิหร่านไม่คืบหน้า

แต่อย่างไรก็ดี ภายในยังถูกกดดันด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งแตะ 4 พันราย และการฉีดวัคซีนที่ล่าช้า โดยวันที่ 20 มิ.ย. ฉีดเพียง 91,879 โดส ทำให้เป้าหมายที่จะฉีดวัคซีน 70% ของประชากรภายในเดือนต.ค.ยังท้าทาย ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้ คือถ้อยแถลงของประธาน FED ต่อสภาคองเกรส วันนี้แนะ “Selective Play” : BEC, ICHI, SAPPE

Nomura : Key Factors
(+) US : ตลาดหุ้นโลก Rebound หลังจากค่าเงินดอลล่าร์ลดระดับการแข็งค่าลงสู่ 91.9 จุด
(*) US: จับตาถ้อยแถลงของประธาน FED ต่อสภาคองเกรสคืนนี้
(+) OIL: วานนี้ WTI +2.02$(+2.82%) สู่ 73.66/bbl, BRT +1.39$(+1.89%) สู่74.90/bbl
(-) Asia: ต่างชาติขายสุทธิในเอเชีย 4 วันต่อเนื่องรวม -4,275 ล้านเหรียญ
(-) TH: ต่างชาติขายสุทธิในไทย 5 ใน 6 วันทำการ รวม -338 ล้านเหรียญ
(-) TH: การฉีดวัคซีนวันที่ 20 มิ.ย.ลดต่ำลงมาก(โดส1+2) เหลือเพียง 91,879 โดส
(*) Fund Flows: หุ้น -3,244 ลบ, สัญญา Future -14,748 สัญญา, Bond +5,960 ลบ

Nomura Daily Top Picks: BEC, ICHI, SAPPE
Equity Daily Outlook : คาดตลาด “ขึ้นจำกัด” ต้าน 1612/1617 จุด รับ 1590/1584 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯ Rebound เด่น หลังปรับตัวลงแรง ผลจากค่าเงินดอลล่าร์ที่ลดระดับการแข็งค่าลงสู่ 91.9 จุด ทำให้ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมฟื้นตัวขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน ที่ได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ Brent ที่พุ่งแรงเกือบ 2% สู่ 74.9 เหรียญ/บาร์เรล จากแนวโน้ม demand ที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก และการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐและอิหร่านยังไม่คืบหน้า

ส่วนปัจจัยที่นักลงทุนจับตาคืนนี้ คือถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธาน FED ต่อสภาคองเกรสเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการใช้นโยบายการเงินของ FED ซึ่งรวมถึงการปล่อยเงินกู้ฉุกเฉิน เพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์ Covid-19 อาจทำให้เราได้เห็นสัญญาณที่ชัดเจนเพิ่มเติม

ส่วนทิศทาง Fund Flows ในเอเชียยังคงผันผวนหนัก โดยวานนี้ ต่างชาติขายสุทธิรวมกว่า -2,061 ล้านเหรียญ และเป็นการขายสุทธิ 4 วันต่อเนื่องรวม -4,275 ล้านเหรียญ และยังขายไทยเร่งตัวต่อเนื่อง โดยต่างชาติขายสุทธิ 5 ใน 6 วันทำการ รวม -338 ล้านเหรียญ จากค่าเงินบาทที่ยังคงอ่อนค่าต่อเนื่องที่ 31.65 บาท/เหรียญ

ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อรายวันนี้พุ่งขึ้นสู่ 4,059 ราย แบ่งเป็น ทั่วไป 3,984 ราย เรือนจำ 75 ราย เสียชีวิต 35 ราย และการฉีดวัคซีนวันที่ 20 มิ.ย.ลดต่ำลงมาก(โดส1+2) เหลือเพียง 91,879 โดส ทำให้เป้าหมายของรัฐฯที่จะฉีดวัคซีน 70% ของประชากรภายในเดือนต.ค.ยังค่อนข้างท้าทาย รวมถึงความเสี่ยงที่ธปท.จะออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยผ่านการปรับลดดอกเบี้ย จะเป็นแรงถ่วงกลุ่ม Consumer Finance

Daily Strategy : ประเมิน SET รีบาวด์ตามตลาดหุ้นโลก แต่กรอบการฟื้นตัวอาจจำกัดจากตัวเลขผู้ติดเชื้อที่พุ่งแรงและการฉีดวัคซีนล่าช้า รวมถึงความเสียงลดดอกเบี้ยสินเชื่อรายย่อยถ่วงกลุ่ม Consumer Finance กลยุทธ์แนะ Selective รายกลุ่ม เน้น Earnings กลุ่มส่งออกที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า-ต้นทุนลดจากราคาโภคภัณฑ์ที่จีนควบคุม กลุ่ม SET50-100 กลุ่มประกัน ขณะที่คงน้ำหนักการลงทุนที่ 50%

Research Highlight :
COMSUMER FINANCE (BULLISH) : เรามีมุมมอง Negative Sentiment ต่อข่าวที่ BOT จะปรับลดเพดานดอกเบี้ยลง 1-2% โดยจะครอบคลุมเฉพาะสินเชื่อที่เพดานดอกเบี้ยเกิน 20% ต่อปี ประกอบด้วย สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ และสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ มีผลในระยะ 1 ปีครึ่ง โดยจะเริ่มประมาณกลางปี 2021 ถึงสิ้นปี 2022 เพราะจะทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย(NIM) ลดลง ในกรณีที่ BOT มีการปรับลดเพดานดอกเบี้ยลง เรามองว่ากลุ่มสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (KTC,AEONTS) ได้รับผลกระทบเชิงลบมากสุด เพราะอัตราดอกเบี้ยการปล่อยสินเชื่ออยู่ที่ 24-25% ใกล้กับเพดานปัจจุบัน 25% และกระทบ 34-52% ของสินเชื่อรวม

สำหรับกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ (MTC,SAWAD,TIDLOR) เรามองว่าผลกระทบจำกัด เพราะอัตราดอกเบี้ยการปล่อยสินเชื่ออยู่ที่ 18-20% ต่ำกว่าเพดานปัจจุบัน 24% ในขณะที่กลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อ ( THANI, MICRO) เรามองว่าไม่ได้รับผลกระทบ เพราะไม่ได้มีแผนการทบทวนสินเชื่อเช่าซื้อ อย่างไรก็ตามข่าวการลดเพดานดอกเบี้ยยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการจากทาง BOT ดังนั้นยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม โดยรวมเราคงคำแนะนำ BULLISH ต่อกลุ่ม Consumer Finance และยังคงเลือก TIDLOR (BUY, TP22F 53 บ.) และ MICRO (BUY, TP22F 12.2 บ.) เป็น Top Pick

AEONTS (TRADING BUY, TP253) : เราคาดกำไรสุทธิ 1Q22F อยู่ที่ 1,000 ลบ. โดยกำไรเพิ่มขึ้น +89%y-y เพราะไม่มีการตั้ง Management Overlay เหมือนในช่วง 1Q21 ขณะที่กำไรลดลง -16% q-q เพราะมีการตั้งสำรองเพิ่มในธุรกิจที่พม่า จากการหยุดกิจการชั่วคราว สำหรับการดำเนินงานของธุรกิจหลัก PPOP หดตัว y-y เพราะการลดลงของสินเชื่อรวม และ NIM ขณะที่ PPOP เพิ่มขึ้น q-q เพราะหนี้สูญรับคืนเพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) ลดลง ในด้านคุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น NPL Ratio คาดปรับระดับลงอยู่ที่ 5.50% จาก 4Q21 ที่ 5.77% เพราะการ write-off ที่มากขึ้น และการปรับใช้การ Restage ตาม BOT

หุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า ทุกๆ 1 บาท บวกต่อเกษตรอาหาร กำไรสุทธิเพิ่ม3-1% TU, CPF, ASIAN, NER, XO, SAPPE กลุ่มชื้นส่วนฯ กำไรสุทธิเพิ่ม3-2% SVI, HANA, KCE กลุ่มนิคม AMATA กลุ่มวัสดุ EPG +3% ลบต่อ Airline โรงไฟฟ้า

(+) PLANB : โตเกียวโอลิมปิกประกาศจัดโอลิมปิกโดยให้มีผู้เข้าชมสูงสุด 10,000 คน เป็นบวกต่อ PLANB เนื่องจากได้โฆษณาโอลิมปิกในไทย

(+) Cannabis/Hemps: ช่วงที่เหลือของเดือน มิ.ย. 2021 เราคาดว่าจะเป็นจุดทยอยประกาศใบอนุญาต โรงสกัดกัญชง ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่ม และช่วงถัดไป การพิจารณา การใช้ CBD/THC เป็นส่วนผสมของการใช้ภายในจะเริ่มขึ้น เป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มหุ้นที่เตรียมผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ กลยุทธ์ แนะนำเก็งกำไร กลุ่มต้นน้ำ RBF, GUNKUL กลุ่มการสกัด RBF, KWM และกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม OSP, ICHI, SAPPE

SET50/100 Rebalance ตลาดประกาศรายชื่อหุ้นชุดใหม่แล้ว พบว่า

หุ้นที่เข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ STGT, IRPC, STA, KCE(Surprise ตลาด)
หุ้นที่หลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ AWC(พลิกหลุด), BAM(พลิกหลุดแทน HMPRO), TOA, VGI
หุ้นที่เข้า SET100 รอบนี้มี 9 บริษัท คือ STGT, NRF(พลิกเข้าแทน RCL), PSL, PTL, SYNEX, SINGER, ICHI, TKN, AAV (3ตัวหลัง surprise ตลาด)
หุ้นที่หลุด SET100 รอบนี้ 9 บริษัท คือ AWC, EPG, BPP, GFPT, MBK, TOA, TPIPP, TTW, WHAUP
กลยุทธ์เราเน้นหุ้นที่พื้นฐานเด่นและ Surprise ตลาด แนะนำ SET50 เด่นสุด คือ IRPC, KCE และ SET100 เน้น ICHI, AAV

June Top Picks : CRC, IRPC, BEC, TVO, ICHI, SAPPE

2Q21 Strategy : Cyclical, Hedging Inflation, Value, and Laggard Plays : BBL, BDMS, BJC, CPALL, CPF, TOP, TVO, HANA, SCC, SCGP, SPALI / Mid-Small cap picks : SPA, ICHI, SAPPE, BEC

2Q21F Strategy : What do rising US yields mean for Asian equities?

Theme: 2Q21 Cyclical, Hedging Inflation, Value, and Laggard Plays : BBL, BDMS, BJC, CPALL, CPF, TOP, TVO, HANA, SCC, SCGP, SPALI

Mid-Small cap picks : SPA, ICHI, SAPPE, BEC

Fundamental & Tactical Daily Top Picks :

BEC (Best case TP 15*): S 13.3/13.0 R 14.5/15.0 (Stop Loss: 12.5)

Theme: Earnings play

Earnings outlook: ผลประกอบการปีนี้คาดหวังการ Turnaround พลิกมากำไรครั้งแรกในรอบ 4 ปี ที่ 791 ลบ. จากการลดต้นทุนธุรกิจครั้งใหญ่ ขณะที่ ด้านรายได้ทยอยฟื้นตัว โดยคาดกำไร 2Q21F 166 ลบ (พลิกจากขาดทุน y-y, +19% q-q) จากทั้งต้นทุนลด และรายได้ทยอยฟื้น จากการกลับมาของคุณสรยุทธ

Valuation: แม้ราคาหุ้นซื้อขาย PER 21F แพงที่เกือบ 40 เท่า แต่เป็นเพราะธุรกิจต้องใช้เวลาค่อยๆฟื้นตัว (ภาพจะเหมือนหุ้น Turnaround ปกติ ที่ช่วงแรงจะดูแพงกว่าปกติ) แต่อย่างน้อยที่สุด ยืนยันได้ว่า ธุรกิจผ่านจุดร้ายที่สุดใปแล้ว มองราคาปัจจุบัน ยังสามารถเก็งกำไรได้

Catalyst: จิตวิทยาบวกหลัง ช่อง 3 จับมือ Netflix ส่งละคร 6 เรื่องออกอากาศคู่ขนานผ่าน Netflix โดยใน 10 ประเทศอาเซียนจะได้รับชมพร้อมกัน + ธุรกิจอยู่ในช่วง turnaround หลังปรับโครงสร้างธุรกิจเสร็จ ลดต้นทุน + จิตวิทยาบวกจากการร่วมถ่ายทอดบอลยูโร บางนัด เพิ่มเรตติ้ง

ICHI (Trading): S 12.2/12.0 R 12.9/13.1 (Stop Loss: 11.5)

Theme: Hemp/Cannabis Play

Earning outlook: มองกำไร 2021 ยังเติบโตได้ต่อเป็นปีที่ 3 ที่ 618 ลบ. (+20% y-y) จากการเก็บเกี่ยวรายได้น้ำวิตามินเต็มปี, รับจ้าง OEM (เปิดตัวแล้ว) และผลิตภัณฑ์ใหม่ ในภาวะที่ธุรกิจผ่านรอบลงทุนใหญ่มาหมดแล้ว ระยะสั้น คาดกำไร 2Q21F ทยอยฟื้นตัวมาที่ 150-155 ลบ. บวกอ่อนๆ y-y, +q-q จากยอดขาย CLMV เริ่มดีขึ้น และในประเทศยังเติบโต จากน้ำวิตามิน และเริ่มงาน OEM ปลาย 2Q21F

Valuation: หุ้นซื้อขาย PER 21F 26 เท่า ยังต่ำกว่ากลุ่มเครื่องดื่มซึ่งสูง 25 – 33 เท่า มองเป็นจุดซื้อกลับ

Catalyst: มองราคาเป็นจุดซื้อกลับ เน้นเก็งกำไร โดยมีประเด็นบวกจาก 1) ถูกนำเข้า SET100 (เซอร์ไพรส์ตลาด) มีผล 30 มิ.ย. 2) คาดจะมีความคืบหน้าโรงสกัด CBD ก.ค.นี้ และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ (น้ำกะท่อม)

SAPPE (TP21F 38*): S 25.0/24.8 R 26.75/27.5 (Stop Loss: 24.4)

Theme: Hemp/Cannabis Play

Earnings Outlook: แนวโน้มกำไร 21F คาดเติบโต +30% y-y จากแผนงานเชิรุกในกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มเติบโตดี เกาะกระแสรักสุขภาพ และการเปิดตัวสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น มองกำไร 2Q21F +y-y, +q-q จาก High season + รายได้ต่างประเทศทยอยฟื้นตัว รวมถึง ในไทยมีการเปิดตัวเครื่องดื่มใหม่ๆ

Valuation: เป็นจุดสะสม โดยซื้อขายค่อนข้างถุกในกลุ่มฯ ที่ PER21F 14 เท่า เทียบกับกลุ่มฯที่สูง 25-30 เท่า

Catalyst: 2 ปัจจัยสนับสนุนระยะสั้น 1) มองความคืบหน้า กัญชง/กัญชา ปลายเดือนมิ.ย.-ต้นก.ค. 2) เงินบาทอ่อนค่ามาก

- Advertisement -