“ดาวโจนส์บวกคืน 587 จุด,รอฟังเฟดแถลง,ผู้ติดเชื้อไทยสูง”

• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้:
# ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วันจันทร์ ลดแรง ปิด -11.85 จุด ที่ 1601.13 จุด มูลค่า 83 พันลบ.ตลาดลงน้อยกว่าเพื่อนบ้าน ทำจุดต่ำสุดถึง 1590.55 จุดยังกังวลเรื่องเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเร็วหลังดาวโจนส์ศุกร์ดิ่งแรงถึง 553 จุด หุ้นขนาดใหญ่ปรับลงถ้วนหน้าแต่มีการเก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็กระหว่างวันหุ้นยุโรปและ DJ Future รีบาวด์ หุ้นขึ้นดี THANI,JTS ดิ่งลงSCGP.MINT รายย่อยซื้อสุทธิ4.9 พันลบ. ต่างชาติขายสุทธิ3.2 พันลบ.YTD ต่างชาติขายสุทธิเพิ่ม 69 พันลบ.

# ปัจจัยและกลยุทธ์: คาด SET รีบาวด์ แต่ยังต้องระวัง ดาวโจนส์บวกคืน 587 จุด,รอฟังเฟดแถลงสภา,ผู้ติดเชื้อไทยสูง สหรัฐกลับมาช้อนซื้อหุ้นจากเศรษฐกิจที่คาดว่าจะฟื้นตัว ยังผลให้ดาวโจนส์บวกกลับถึง 587 จุด คืนนี้รอฟังเฟดแถลงต่อสภาจะออกมาลบแนวเดิมหรือไม่ และวันนี้ผู้ติดเชื้อไทยสูงมากถึง 4,059 ราย เสียชีวิต 35 รายเป็นลบ ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านรีบาวด์ บอนด์ยิลด์อยู่ระดับต่ำ ดัชนีกังวล Vix คลายลงเป็น 17.9 จุด ดอลลาร์อ่อนค่าลง แต่ DJ Future ทรงตัว หาก SET รีบาวด์ เล่นสั้นระวังแนวต้านที่ 1620-1630 จุด ซื้อลงทุนทยอยสะสม ยังมีความเสี่ยงเรื่องเฟดกลุ่มยังไปได้ดี คือ พลังงาน DBS แนะถ่วงน้ำหนักมาก Top Pick: PTTEP, PTTGC วันนี้หุ้นเปิดเมือง สนามบิน โรงแรม สายการบิน ศูนย์การค้า นิคมฯ และหุ้นขนาดใหญ่แบงก์ พลังงาน คาดว่าจะกลับมาได้ ส่วนบอนด์ยิลด์ที่ต่ำ กลุ่ม REITs และ IFFs มีSpread เพิ่ม ปันผลสูงแนะนำ DREIT,ALLY,AIMIRT,DIF,FTREIT และ HREIT หุ้น MAI วันนี้ แนะนำ BIZ

ปัจจัยบวก
ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 586.89 จุด รับแรงซื้อหุ้นพลังงาน-หุ้นแบงก์กลับมาซื้อหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
น้ำมันดิบ WTI ราคาปิดพุ่ง $2.02 รับดอลลาร์อ่อน และการเจรจานิวเคลียร์อิหร่านไม่คืบ ซึ่งทำให้ความกังวลที่อิหร่านจะกลับมาส่งออกน้ำมันลดลง

ปัจจัยลบ
นักลงทุนจับตา “พาวเวล” กล่าวถ้อยแถลงต่อสภาคองเกรสคืนนี้เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ,การใช้นโยบายการเงินของเฟดและเงินกู้ฉุกเฉิน
การเมืองไทย: สัปดาห์นี้จับตาประชุมสภาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมทั้งมีนัดชุมนุมทางการเมือง 24 มิ.ย.64, วันนี้ผู้ติดเชื้อ เสียชีวิตสูง

ปัจจัยที่น่าติดตาม
สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมกนง. 23 มิ.ย.64 รวมทั้งรายงานข้อมูลการค้าไทย พ.ค.64
จับตาเงินไหลออก ต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องมาก ส่วนตลาดหลักทรัพย์แจ้ง DTC เปลี่ยนชื่อย่อใหม่เป็น DUSIT มีผล 24 มิ.ย.นี้

# Stock Pick Today: DIF Yield Spread สูง เมื่อบอนด์ยิลด์ลด เพราะบอนด์ยิลด์ไทยจะปรับลดตามสหรัฐ ขณะที่ DIF เป็นกองทุนฯจ่ายปันผลได้สูง คาดการณ์เงินปันผลสำหรับปี21F ไว้ที่1.02 บาท/หน่วย ณ ราคาหุ้น 12.70 บาท ให้DY สูงถึง 8% แม้ว่ารายได้เงินลงทุนสุทธิจะไม่ได้เติบโตนัก กำหนดราคาพื้นฐาน 15.90 บาท (DCF) โดยกองทุนยังมีกระแสเงินสดที่ดีส่วน IRR มากที่ระดับ
9.8% สำหรับแรงขายจากTRUE คาดว่าจะชะลอ เพราะต้องรักษาสัดส่วนการเป็น Strategic ไว้

#วิเคราะห์ทางเทคนิค: ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นลบ แบบมีโอกาสเปลี่ยนเป็นบวกเล็กๆ {“ปิดลบ”ใต้“SMA10วัน” (แต่“ปิดเหนือแนวรับย่อย” / โดยยังติด“แนวต้านสำคัญ”และมี”สัญญาณ Overbought + Divergence”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบยังให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก”(ถ้ามี/ โดยมี“แนวรับย่อยสำคัญ 1600”หนุน) จะ
ช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้แนวต้าน 1620 – 1630 (หรือ1640) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1600” (แนวเด้งสั้น “1580 – 1570 / 1550”) จุด}

Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
•/- สหรัฐ: นักลงทุนจับตา “พาวเวล” กล่าวถ้อยแถลงต่อสภาคองเกรสคืนนี้
# เฟดเปิดเผยว่า นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะอนุกรรมการว่าด้วยวิกฤตการณ์โควิด-19 ประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันนี้ (22 มิ.ย.) เวลา 14.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือเวลา 01.00 น.ของวันที่ 23 มิ.ย.ตามเวลาไทย ทั้งนี้ นายพาวเวลจะกล่าวถ้อยแถลงเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และการใช้นโยบายการเงินของเฟด ซึ่งรวมถึงการปล่อยเงินกู้ฉุกเฉิน เพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์โควิด-19

•/- สหรัฐ: จับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดอีกหลายรายในสัปดาห์นี้เกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ
# ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดอีกหลายรายในสัปดาห์นี้เกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐหลังจากที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในปีหน้าเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

+/- • สหรัฐ: ดัชนี CFNAI พ.ค.ปรับขึ้น +0.29 จุด แต่ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาด
# ธนาคารกลางสหรัฐสาขาชิคาโก เปิดเผยว่า ดัชนี Chicago Fed National Activity Index (CFNAI) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ+0.29 ในเดือนพ.ค. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ +0.32 จากระดับ -0.09 ในเดือนเม.ย.
# ทั้งนี้ ดัชนี CFNAI เป็นดัชนีถ่วงน้ำหนักตัวชี้วัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐจำนวน 85 รายการ โดยดัชนี CFNAI ที่มีค่าเป็นบวกจะบ่งชี้ถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจที่สูงกว่าแนวโน้ม ขณะที่ดัชนี CFNAI ที่มีค่าเป็นลบจะบ่งชี้ถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ต่ำกว่าแนวโน้ม

+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 586.89 จุด รับแรงซื้อหุ้นพลังงาน-หุ้นแบงก์
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ (21 มิ.ย.) ทำสถิติปรับตัวขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 3 เดือน โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มพลังงาน กลุ่มธนาคาร และกลุ่มอุตสาหกรรม

+ น้ำมัน: WTI ปิดพุ่ง $2.02 รับดอลล์อ่อน-เจรจานิวเคลียร์อิหร่านไม่คืบ
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ การเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558 ระหว่างสหรัฐและอิหร่านที่ยังไม่คืบหน้า ยังช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการที่อิหร่านจะกลับมาส่งออกน้ำมันอีกครั้ง

• ทองคำ: ปิดบวก $13.9 รับอานิสงส์ดอลล์อ่อน-บอนด์ยีลด์ร่วง
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 1,780 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (21 มิ.ย.) โดยได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

• ติตตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐภายในสัปดาห์นี้
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค., ดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย.จากเฟดริชมอนด์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนเดือนมิ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ค., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2564, รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนพ.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ วัคซีนไทย: รมว.สาธารณสุขเผยญี่ปุ่นได้ทำข้อเสนอบริจาควัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้ไทย
# นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้ทำข้อเสนอบริจาควัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้ประเทศไทยผ่านมายังกระทรวงต่างประเทศและกระทรวงสาธารณสุข หากพิจารณารายละเอียดข้อเสนอเรียบร้อย คาดว่าจะลงนามตอบกลับไปได้ในวันที่ 24 มิถุนายนนี้ และส่งมาได้ในเดือนกรกฎาคม โดยยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดจำนวนวัคซีนที่จะบริจาคได้

• การเมืองไทย: สัปดาห์นี้จับตาประชุมสภาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมทั้งมีนัดชุมนุมทางการเมือง 24 มิ.ย.64
# สัปดาห์นี้จับตาการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ท่ามกลางการนัดชุมนุมทางการเมืองจากกลุ่มก้อนต่างๆ อีกครั้งในวันที่ 24 มิ.ย.นี้ ได้แก่ กลุ่มหมู่บ้านทะลุฟ้า, กลุ่มประชาชนคนไทย, กลุ่มคนไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี เป็นต้น

+ กทม. เดินหน้าแผนคุมโควิดในโรงงาน 122 แห่งทั่วกรุงเทพฯ เริ่มตรวจ 15 ก.ค.
# พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า กทม. เตรียมดำเนินการตามแผนการเฝ้าระวังและควบคุมโรคโควิด-19 ในโรงงาน จำนวน 122 แห่ง ในโรงงาน 3 ประเภท ได้แก่ 1. โรงงานผลิตอาหาร/แปรรูป รวม 19 แห่ง 2. โรงงานผลิตยา รวม 12 แห่ง และ 3. โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า รวม 91 แห่ง ซึ่งจะเริ่มตรวจในวันที่ 15 ก.ค. 64 เป็นต้นไป ในระยะหลังโรงงานกลายเป็นคลัสเตอร์ที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวนมาก อันเป็นไปตามลักษณะการทำงานที่อยู่ใกล้ชิดกัน และมีการเว้นระยะห่างได้น้อย

• สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมกนง.พุธ 23 มิ.ย.64 รวมทั้งรายงานข้อมูลการค้าไทย พ.ค.64
# สัปดาห์นี้มีข้อมูลเศรษฐกิจในประเทศที่สำคัญ ได้แก่ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คือวันพุธที่ 23 มิ.ย.64 และกระทรวงพาณิชย์ รายงานข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนพ.ค.64 สำหรับรายงานการประชุม กนง.จะมีการเผยแพร่ตามมาในวันที่ 7 ก.ค.64
# ผลกระทบ: แม้คาดว่า กนง.จะยังคงอัตราอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรซื้อคืนไว้ที่ต่ำเท่าเดิม เพื่อพยุงเศรษฐกิจไทยที่ย่ำแย่ ตามการระบาดของโรคโควิด-19 แต่ยังต้องติดตามถ้อยแถลงโดยเฉพาะผลกระทบกับไทย จากการที่เฟดมีทีท่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าเดิม รวมทั้งการลด QE ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับเงินไหลเข้า-ออกกับประเทศไทย

+ หุ้นกลุ่มอาหาร-เวชภัณฑ์ยังน่าสนใจลงทุนเป็น Defensive ทั้งส่งออกและขายในประเทศ
# ถือว่าเป็นกลุ่มที่ผันแปรตามวัฏจักรน้อย มีลักษณะการเป็น Defensive ที่ดี ในขณะที่ภาพตลาดฯ และเศรษฐกิจโลกผันผวนสูง

# TU หุ้นกลุ่มอาหารส่งออกที่ฟื้นตัวแกร่ง ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงเทียบกับเหรียญสหรัฐ ธุรกิจได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และอยู่ในช่วงทยอยฟื้นตัว คาดว่ากำไรสุทธิปี 64F จะเติบโต +16% y-o-y คาดผลประกอบการ 2H64F ดีขึ้นเทียบ HoH เป็นผลจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ให้ราคาพื้นฐาน 20.00 บาท

# RBF โดดเด่นจากการเป็นผู้นำสกัดกัญชง คาดว่าจะได้ประโยชน์จากกัญชง/กัญชา โดยเน้นในส่วนธุรกิจต้นน้ำ ซึ่งน่าจะได้ใบอนุญาตในต้นปี 65F ด้านธุรกิจหลักเครื่องปรุงรสมีแนวโน้มเติบโตได้ดีในระยะยาว และบริษัทมีฐานลูกค้ามั่นคง ให้ราคาพื้นฐาน 22.90 บาท

# NRF เป็นผู้ผลิตอาหารรับเมกะเทรนด์ และติด SET 100 ธุรกิจที่น่าสนใจคือ อาหารโปรตีนจากพืชทดแทนเนื้อสัตว์(Plant Based Food) สำหรับผู้บริโภคยุคใหม่ที่รักสุขภาพ ประมาณการกำไรสุทธิปี 64 เติบโตแข็งแกร่ง+60% และขยายตัวสูงต่อในปี65F ที่+48% ให้ราคาพื้นฐาน 12.00 บาท

# MEGA ช่วงนี้มีความต้องการในสินค้าเวชภัณฑ์ประเภท Nutraceutical คือ ไว้ใช้ทั้งในการป้องกันและเสริมภูมิคุ้มกัน จึงคาดว่าจะได้ประโยชน์ช่วงโรคโควิด-19 ระบาดหนัก คาดกำไรปีนี้และปีหน้าโตดี +7.2%/+10.1% yo-y ให้ราคาพื้นฐานป็น 45.00 บาท

- Advertisement -