รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET Outlook & Strategy
SET Outlook
ประเมินดัชนีฯ ยังผันผวน ด้วยความไม่แน่นอนในเรื่องนโยบายการเงินของ Fed ทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง บวกกับเงินบาทอ่อนค่า และรอดูการตัดสินใจของสภาฯ เรื่องแก้ร่างรธน. ….

ตลาดหุ้นต่างประเทศคืนที่ผ่านมา ตัวแปรสำคัญยังคงเป็นการให้ข้อมูลของกรรมการ Fed ว่าแต่ละคนมีความคิดอย่างไรต่อนโยบายการเงิน ที่จะลด QE และขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนนักว่าจะไปในทางใด แต่ด้วยความคลุมเครือ และนักลงทุนกังวลว่า Fed อาจตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยก่อนปี 2013 ทำให้มีการชะลอการลงทุนในเกือบจะทุกสินทรัพย์ ที่เป็นลบต่อดอกเบี้ยขึ้น เช่น หุ้นและพันธบัตร แต่ค่าเงินดอลล่าร์ จะแข็งค่าขึ้น ล่าสุด Dollar Index อยู่ที่ระดับ 92.2 จุด ตลาดหุ้นได้ถูกกระทบจากความไม่แน่นอนของนโยบาย Fed ด้วย และที่สำคัญคือ เงินบาทอ่อนค่าลงอย่างเร็ว ลงมาแตะ 31.8 บาท/ดอลล่าร์ เช้านี้ เรามองเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นไทยออกมา แต่เมื่อมองในมุมตรงกันข้าม ถ้าเงินบากกลับมาแข็งค่า ตลาดหุ้นจะดีขึ้น …

ราคาน้ำมัน กลับมาเป็นประเด็นที่ตลาดจะให้ความสนใจ จาก Nuclear Deal ระหว่างประเทศอิหร่านกับ IAEA ที่สหรัฐฯ จะกลับมาเจรจาราวสัปดาห์หน้า และข่าวที่ OPEC+ เตรียมพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิต ทั้งสองเรื่องนี้ หากประสบความสำเร็จในการเจรจา จะเป็นลบต่อราคาน้ำมัน เนื่องจาก supply ในตลาดจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะของอิหร่าน เรามองเป็นลบต่อหุ้นน้ำมัน (PTTEP) ไว้ก่อน …

ตัวแปรอื่นๆที่ต้องติดตาม คือการโหวตเพื่อแก้ร่างรัฐธรรมนูญของสภาฯในวันนี้ (อย่างช้าเช้าวันพรุ่งนี้ และการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนหลังการโหวต หากเกิดขึ้นจะเป็นลบต่อตลาด นอกจากนี้ จะมีการรายงานตัวเลขส่งออกและยอดขายรถยนต์ เรามองว่าความสำคัญของตัวเลขทั้งสองตัว คือหากตัวเลขออกมาดี หรือส่งออกได้มาก อาจทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น (ดีต่อตลาด) …

ตัวเลขเศรษฐกิจ และ event อื่นๆ ตัวเลข GDP q1(t) ของสหรัฐฯ ส่วนหุ้นที่นำเสนอข้อมูล Op Day วันนี้ SKR, TSC, SALEE, TMT

Strategy
ด้วยตลาดยังผันผวน และแรงกดดันจากการขายของนักลงทุนต่างประเทศ กลยุทธ์ลงทุน นอกจากถือหุ้นรอ และขายทำกำไรหุ้นที่ขึ้นมามาก กรอบเวลาการลงทุน ต้องเน้นช่วงสั้นๆ เช่นเดียวกับวันที่ผ่านมา … พอร์ตหุ้นวันนี้เรานำ EPG, AMATA ออก และนำ JMT*, BCH เข้ามาแทน หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย JMT*(15%), BCH(15%), KWM(10%), AAV(15%), MAKRO*(15%), COM7(10%), EA*(15%)
* เป็นหุ้นที่แนะนำโดย KTBST ยังไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์

Strategy Stock Pick
JMT*: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 46 บาท) “รอซื้อหนี้จากสถาบันการเงิน, 2H21 Outlook แจ่ม หลังหนี้ใกล้ตัดต้นทุนหมด”

• ลุ้นการซื้อหนี้ก้อนใหญ่จากสถาบันการเงินเพื่อบริหารต่อ, คาดกำไรในช่วงครึ่งปีหลังเติบโตโดดเด่นหลังทยอยตัดต้นทุนหนี้หมด
• ตั้งงบลงทุน 1 หมื่น ลบ. เพิ่มจากเดิมที่ 6 พัน ลบ. เตรียมซื้อหนี้จากสถาบันการเงิน ด้านเป้ารายได้ปี 2021 ผู้บริหารตั้งเป้าหมายเติบโต +30%YoY
• Bloomberg Consensus ประเมินกำไรปี 2021-2022 ที่ 1.35 พัน ลบ. และ 1.8 พัน ลบ. +30%YoY, 33%YoY ตามลำดับ

Technical : JMART, FSMART

Key Events
• 24 มิ.ย.: ตัวเลข GDP สหรัฐ
• 30 มิ.ย.: รายการตัวเลขเศรษฐกิจไทย

News Comment
( + ) Electronic (Overweight) เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง -2% MTD
( 0 ) AAV (ถือ/เป้า 2.60 บาท) เดือน ก.ค.จะกลับมาเปิดเที่ยวบินเพิ่ม คิดเป็น 30% เมื่อเทียบกับสิ้นที่ผ่านมา

Company Report
( + ) PRIME (ซื้อ/เป้า 3.40 บาท) พัฒนาการที่ดีในไต้หวันจะเป็น potential upside
( 0 ) AEONTS (ซื้อ/เป้า 275.00 บาท) ผลการดำเนินงาน 1QFY22E ยังไม่สดใส จาก COVID-19

Economic Outlook
• ตลาดสหรัฐฯ ปิดแดนลบจากความเห็นของประธาน Fed สาขา Atlanta เผยว่าเป็นคนโหวตขึ้นดอกเบี้ยในปี 2023 รวมทั้งมองว่าเศรษฐกิจใกล้อยู่ในขั้นเตรียมพร้อมการทำ Tapering ทำให้นักลงทุนมีความกังวลต่อความเร็วในการเปลี่ยนแปลงทิศทางนโยบายการเงิน ประกอบกับตัวเลขตลาดบ้านเริ่มสะท้อนสัญญาณการชะลอตัวผ่านยอดขายที่ลดลง

• ธนาคารกลางแห่งประเทศไทยมีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาดการณ์ ที่ร้อยละ 0.5 โดยคณะกรรมการแสดงความกังต่อการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 3 ส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ช้าผ่านการปรับประมาณการ GDP ของปี 2564 เหลือ 1.8% จากเดิม 3% และปีหน้าจาก 4.7% เหลือ 3.9% จากการบริโภคภาคครัวเรือนที่หดตัวลง ในฝั่งตัวเลขส่งออกที่สามารถขยายตัวได้ดีพอๆกับการนำเข้าทำให้ดุลการค้าจะเติบโตได้ดีในปีหน้า

What to Watch
ติดตามการรายงานตัวเลขยอดจำหน่ายสินค้าคงทนในสหรัฐฯ คาดว่าออกมาขยายตัวเทียบกับเดือนก่อนหน้าจากความต้องการสินค้าภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจในประเทศ ภายหลังจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจสะท้อนการฟื้นตัวได้ชัดเจนมากขึ้น

- Advertisement -