บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส :

ถูกสุดในหุ้นจำหน่ายสินค้า IT
เริ่มต้นคำแนะนำจากการสำรวจคือ ซื้อ เนื่องจากเน้นจำหน่ายสินค้า IT โดยเฉพาะการเป็นตัวแทน (Reseller)ให้กับค่าย Apple ซึ่งสินค้าได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มผู้บริโภค มีสินค้าเทคโนโลยีใหม่ๆออกมาตลอดเวลา หลังจากประกาศกำไร 1Q64 เติบโตสูง กำไรไตรมาสเดียวคิดเป็น 46% ของกำไรทั้งปี 63 แล้ว แนวโน้ม 2Q64 และ 2H64 คาดว่าจะมีโมเมนตัมเติบโตก้าวกระโดดได้อย่างต่อเนื่อง ในแง่อัตราการเติบโตกำไรปีนี้คาดว่าจะสูงเป็น 79.4% y-oy ที่ 132 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากรายได้เติบโตสูง และบริหารค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ มากกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ประเมินจากหุ้น COM7,SYNEX,JMART และ CPW ที่ 36.3% จึงสามารถกล่าวได้ว่าปีนี้เป็นปีทองของ SPVIตั้งแต่จัดตั้งบริษัทมา

ประเมินมูลค่าหุ้นถูกที่สุดในกลุ่มผู้จำหน่ายสินค้า IT ในแง่ P/E เปรียบเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่นๆในกลุ่ม ค่าเฉลี่ยปี 64 สำหรับอัตราส่วน P/E และ P/BV ของ SPVI เป็นเพียง 20.5 และ 5.4 เท่า ตามลำดับ เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 31.3 และ 8.2 เท่า ตามลำดับ พิจารณาได้ว่าหุ้นในกลุ่มที่โดดเด่น และได้รับการซื้อขายที่ระดับPremium คือ COM7 เป็นตัวดึงให้ค่าเฉลี่ยสูง นอกจากนี้แล้วคาดว่าปีนี้จะจ่ายปันผลได้สูงเป็นพิเศษคือ 0.20 บาทคิดเป็นอัตราผลตอบแทน 2.9% สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 2.2% ด้านราคาพื้นฐานกำหนดไว้เป็น 8.88 บาท ซึ่งประเมินด้วย Forward P/E ปี 64 ที่เพียง 27 เท่า

ดีงามตามความนิยมในสินค้ากลุ่ม Apple บริษัทประกอบธุรกิจหลักเป็นหนึ่งในตัวแทนจำหน่าย (Reseller)ผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้า Apple ทั้งคอมพิวเตอร์ ผลิตภัณฑ์ประเภท iOS และอุปกรณ์เสริมต่างๆ รวมทั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าอื่นๆ ที่สามารถนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์ Apple เป็นหลัก เพื่อที่จะรองรับความต้องการของลูกค้าได้ครบวงจร นอกจากนี้ บริษัทยังได้ขยายธุรกิจการบริการให้แก่ลูกค้า โดยมีศูนย์บริการสำหรับสินค้าภายใต้ตราผลิตภัณฑ์ Apple ในนาม iCenter สำหรับในงวดปี 63 ที่ผ่านมาสัดส่วนรายได้ที่มาจากApple สูงสุดที่ 90.5%

กลยุทธ์สำคัญที่ทำให้กำไรเติบโตสูง
1) Apple ได้ Launch สินค้าใหม่ๆออกมาต่อเนื่อง ทำให้ขายดี ล่าสุด เมื่อต้นปีคือ iMac, iPad Pro และก่อนหน้านี้มีiPhone 12 เป็นรุ่นแรกที่ใช้ได้กับ 5G และ Apple Watch เป็นต้น
2) เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายในช่วงมีโรคโควิด-19 คือ จำหน่ายผ่านออนไลน์
3) บริหารค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพ ในเรื่องการจัดการสินค้าคงคลัง ปล่อยสินเชื่ออย่างรัดกุม และควบคุมค่าใช้จ่ายการทำโปรโมชั่น และ
4) ขยายสาขาใหม่ต่อเนื่องในช่วง 1Q64 เพิ่ม 2 สาขาเป็น 59 สาขา และ2H64 ตั้งเป้าไว้จะเพิ่มอีก 4-6 สาขา

แนวโน้มกำไร 2Q64 และครึ่งปีหลัง 2H64 มีโมเมนตัมดี สำหรับในงวด 2Q64 มีอัตราการเติบโตจากสาขาเดิมสูงมากถึง 45-50% ส่วนในงวด 2H64 มีข้อดีคือ ฐาน 3Q63 ปีที่แล้วมีกำไรที่อ่อน ซึ่งเกิดจากการขาดแคลนสินค้ามาจำหน่าย นอกจากนี้การเกิดการระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ตั้งแต่กลาง เม.ย.64 เป็นต้นมา และสถานการณ์ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ พิจารณาจากจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น ยังผลให้มีการทำงานที่บ้าน(WFH) หรือ การเรียนหนังสือที่บ้าน ความต้องการใช้สินค้าประเภท IT เช่น คอมพิวเตอร์ หรือ iPad จึงมีมากกว่าปกติอีกทั้งมาตรการรัฐที่จะเริ่มใช้ในช่วง 2H64 คือ “ยิ่งใช้ ยิ่งได้”จึงมีส่วนผลักดันทำให้รายได้จะเติบโตสูงมากในปีนี้

ปัจจัยบวกและลบของบริษัท ด้านปัจจัยบวก
1) สินค้า IT มีจุดเด่นได้แก่ สะท้อนหรือยกระดับสถานะทางสังคมของผู้ใช้,ใช้ได้ทั้งงานและความบันเทิง โดยปัจจุบันมีการใช้ทีวี และวิทยุน้อยลง แล้วหันไปใช้โทรศัพท์มือถือ หรือสินค้า IT อื่นๆแทน เพราะมีตัวเลือกใช้งานได้ครบ พกสะดวก ประสิทธิผล- ความเร็ว และหน่วยความจำที่สูงกว่า

2)เป็นบริษัทในกลุ่ม SVOA มี IT City เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 29% ช่วยสนับสนุนธุรกิจ และ

3) ฐานะการเงินดีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 1Q64 เป็นเพียง 0.3 เท่า ด้านปัจจัยลบคือ
1) อัตรากำไรสุทธิไม่สูง ราว 1.5-2.5% ต้องทำรายได้ให้สูง กำไรถึงจะมากตามมา
2) การจำหน่ายสินค้าออนไลน์ และสินค้าของ Apple จะมีอัตรากำไรที่ไม่มากรวมทั้ง
3) มีความเสี่ยงหาก Apple ไม่ต่อสัญญาให้เป็น ตัวแทน (Reseller) แต่บริษัทก็มีผลงานที่ดีในช่วงที่ผ่านมา

- Advertisement -