รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

Selective Play//Accumulate on Dip

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาดโดยปิดบวกเล็กน้อย 5.96 จุด ณ สิ้นวัน โดยกลุ่ม Domestic Play เริ่มรีบาวด์ขึ้นหลังจากปรับตัวลงในช่วงหลายวันก่อนหน้า สถาบันในประเทศยังคงซื้อสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องอีก 1.1 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อบางๆ 176 ลบ. (และ Short Index Futures เล็กน้อย 348 สัญญา ส่วนสถาบัน Short เร่งขึ้นเป็น 5 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัว Sideways Up และมีโอกาสขึ้นทดสอบ 1,600 จุดอีกครั้ง นำโดยกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวพุ่งแรงโดยล่าสุด WTI ทะลุ US$75 ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตามคาดดัชนียังไม่สามารถทะลุผ่านได้ โดยวันนี้ยังคงต้องติดตามการประชุม OPEC+ ที่ถูกเลื่อนมาจากเมื่อวานว่าจะตกลงเพิ่มกำลังการผลิตในเดือน ส.ค. เป็นต้นไปอย่างไร หลังจากเดือน พ.ค.-ก.ค. เพิ่มเข้ามาแล้วรวมทั้งสิ้น 2.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน มิ.ย. (ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 7 แสนตำแหน่ง)

ขณะที่สถานการณ์ COVID-19 ในประเทศคาดยังคงเป็นปัจจัย Overhang และจำกัดการปรับขึ้นของดัชนีในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า รวมถึงการระบาดของสายพันธุ์เดลต้าที่กำลังจะเป็นสายพันธ์หลักในการระบาด ทำให้กลุ่ม Domestic Play คาดว่ายังฟื้นตัวได้จำกัดระยะสั้น ในเชิงกลยุทธ์จึงเน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและธุรกิจไม่ถูกกระทบจากมาตรการคุมเข้มและมีแนวโน้มกำไร 2Q21-3Q21 ที่แข็งแกร่ง ได้แก่ กลุ่มการแพทย์ กลุ่มขนส่ง กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มส่งออกอย่างอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์

กลยุทธ์ : เก็งกำไรเป็นรายตัวที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัว//สะสมหุ้นพื้นฐานเพิ่มช่วงตลาดปรับฐาน

หุ้นเด่นเดือน ก.ค. : BDMS, DOHOME, EPG, KCE, SONIC

หุ้นเด่นวันนี้ : TKS
แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 15.80 บาท
เราคาดได้อานิสงส์เชิงบวกจาก Synergy ร่วมกันระหว่าง SYNEX-SABUY ทั้งการนำสินค้าของ SYNEX ขายผ่าน Channel ของ SABUY ขณะที่ SYNEX สามารถนำระบบ Payment และ CRM มาใช้ประโยชน์ในอนาคต
คาด TKS ได้ประโยชน์ผ่านการถือหุ้น SYNEX 38.5% SABUY 9.7% และ TBSP 25% ราคาหุ้นปัจจุบันยัง Under Value และ Discount จาก NAV บริษัทลูกอยู่เกือบ 50%
แนวรับ 10//10.40-10.60 บาท แนวต้าน 11//11.40 บาท

Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่น US$1,208 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$755 ล้านและ US$355 ล้าน ตามลำดับ ส่วนตลาดอาเซียนเม็ดเงินไหลออกทุกประเทศ มีเพียงไทยที่พลิกมาไหลเข้าบางๆ US$5 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดยังค่อนไปในทิศทางไหลออกจาก Dollar Index ที่ยังแข็งค่าต่อเนื่อง และนักลงทุนรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจภาคแรงงานของสหรัฐฯคืนนี้

ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) กลุ่มธนาคาร มีประเด็นผ่อนคลายหลังธปท.กำลังพิจารณาขยายเวลาลด FIDF เหลือ 0.23% ออกไปจากเดิมที่จะหมดสิ้นปีนี้ และขยายระยะเวลาจัดชั้นและตั้งสำรองลูกหนี้ โดยแลกกับการช่วยเหลือลูกหนี้ต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นบวกต่อผลการดำเนินงานของกลุ่มฯ ส่วนประเด็นการจำกัดเพดานดอกเบี้ยเงินกู้โดยเฉพาะสินเชื่อรายย่อยคาดมีโอกาสน้อยที่จะเกิดขึ้นยาก ขณะที่มาตรการ Asset Warehousing คาดไม่มีผลอย่างมีนัยยะ โดยธนาคารจะเน้นที่การปรับโครงสร้างหนี้แก่ลูกค้ามากกว่า Top Pick เป็น TISCO TTB และ SCB

(+) RBF ราคาหุ้น +148% YTD และ +27% MTD สะท้อนเรื่องการขายโรงแรมที่ขาดทุนออกไป และเก็งกำไรจากประเด็นใบอนุญาตโรงสกัด CBD จากกัญชงที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาของภาครัฐ ระยะสั้นมีโอกาสถูก Sell on fact หากประกาศผลได้รับใบอนุญาตกัญชง ส่วนแนวโน้มกำไร 2Q21 คาดโตดี Y-Y แต่ทรงตัว Q-Q ก่อนเร่งตัวใน 3Q21 เป็นต้นไปเพราะไม่มีผลขาดทุนจากโรงแรมและลูกค้าออกสินค้าใหม่ เรายังคาดกำไรปี 2021-2022 +29% Y-Y และ +65% Y-Y ตามลำดับ และคงราคาเป้าหมายปี 2022 ที่ 23 บาท อย่างไรก็ตามอาจมี Upside ราว 12% หากบริษัท/เกษตรกรเครือข่ายสามารถปลูกกัญชงได้ 3 Crop ต่อปี และราคาเป้าหมายจะขยับขึ้นเป็น 25.50 บาท แต่ยังต้องติดตามความคืบหน้าทั้งการปลูก, Yield, ผลผลิตและสินค้าปลายน้ำว่าเป็นไปตามแผนหรือไม่ แนะนำ “เก็งกำไร”

(+) APCS เราเริ่มต้นการวิเคราะห์ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” จากกำไรที่ turnaround ในปี 2021 +1,554% Y-Y จาก Backlog ของงาน EPC ที่ 2.7 พันลบ. บริษัทเข้าร่วมประมูลอีกกว่า 1 หมื่นลบ. ซึ่งมั่นใจกว่าจะชนะประมูล 30% ดัน Backlog เพิ่มเป็นกว่า 5 พันลบ. และยังมีงานบริหารและซ่อมบำรุง (O&M) โรงไฟฟ้าขยะมูลค่า 3.4 พันลบ. สัญญา 20 ปี ขณะที่ธุรกิจ Auto ยังเติบโตได้ดีตามอุตสาหกรรม และมีแผนรับจ้างผลิตชิ้นส่วน Big bike และ Medical supplies ประเมินราคาเป้าหมาย 8.20 บาท

ปัจจัยที่ต้องติดตาม
2 ก.ค.
สหรัฐฯ: การจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราว่างงาน ค่าจ้างแรงงาน(มิ.ย.)
ประชุม OPEC+
6 ก.ค.
ออสเตรเลีย: ประชุมธนาคารกลาง
ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมันทางเศรษฐกิจ (ก.ค.)
7 ก.ค.
สหรัฐฯ: รายงานการประชุม FOMC

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 131.02 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 34,633.53 จุด หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 51,000 ราย เป็น 364,000 รายในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เกิด COVID ในมี.ค. 2020 รวมถึงต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 390,000 ราย และต่ำกว่าสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 415,000 ราย นอกจากนี้ ได้แรงหนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมัน WTI ขณะที่ติดตามเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันนี้ ท่ามกลางนักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 706,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. และคาดอัตราการว่างงานลดลงเป็น 5.6%

(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมัน และการเปิดเผยรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนในยุโรป

(+) ตลาดเอเชียปรับขึ้น ตามทิศทางตลาดดาวโจนส์ ท่ามกลางติดตามสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันนี้

(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง อยู่ที่บริเวณ 32.08 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.76 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 75.23 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังกลุ่มโอเปกพลัสเลื่อนการประชุมระดับรัฐมนตรีเป็นวันนี้ (2 ก.ค.) เพื่อให้ประเทศสมาชิกมีเวลามากขึ้นในการหารือกันเกี่ยวกับนโยบายการผลิตน้ำมัน ท่ามกลางข่าวว่าซาอุดีอาระเบียและรัสเซียเสนอปรับเพิ่มกำลังการผลิต 400,000 บาร์เรล/วันตั้งแต่เดือนส.ค.-ธ.ค. 2021 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าเพิ่มกำลังการผลิต 500,000 บาร์เรล/วันในเดือนส.ค.

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 5.2 ดอลลาร์ หรือ 0.29% ปิดที่ 1,776.8 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดอย่างหนักของ COVID สายพันธุ์เดลตา โดยล่าสุดรัฐบาลออสเตรเลียประกาศขยายมาตรการล็อกดาวน์ในหลายเมือง

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,043.16 / -2.62

- Advertisement -